วิเคราะห์เครดิตท้ายเรื่อง Eternals ปูทางสู่หนังมาร์เวล เฟส 4
หนังจบเราไม่จบ...ชวนมาวิเคราะห์เจาะลึก end credit ของ “Eternals” ที่จะเป็นคำบอกใบ้ ชี้ให้เห็นถึงแนวทางของหนังมาร์เวลเฟส 4 ว่าจะมีซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ๆ ตัวไหนปรากฎตัวขึ้นบ้าง
spoiler alert
คำเตือน : บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของหนัง เหมาะสำหรับผู้ที่ชมภาพยนตร์ ‘Eternals ฮีโร่พลังเทพเจ้า’ มาแล้ว หรือผู้ไม่มีปัญหากับการได้รับรู้เนื้อหาบางส่วนของหนังก่อนที่จะไปดู
กิมมิคอย่างหนึ่งของหนังซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายมาร์เวลคือจะมีการบอกใบ้เกี่ยวกับหนังภาคต่อไปแทรกเอาไว้หลังจากที่เครดิตท้ายเรื่อง (end credit) ฉายจบแล้ว และแน่นอนว่าสำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘Eternals ฮีโร่พลังเทพเจ้า’ ก็ไม่พลาดที่จะมี end credit แถมยังมีถึง 2 ตัวด้วยกัน
แต่เชื่อว่าสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้การ์ตูนมาร์เวลแล้วอาจไม่เข้าใจคำใบ้ที่ทางผู้สร้างบอกเอาไว้ใน end credit วันนี้เราจะมาแจกแจงให้ทราบกันว่ามันบอกเงื่อนงำอะไรเกี่ยวกับหนังมาร์เวลในเฟส 4 ที่เราจะได้ดูกันต่อไปบ้าง
- การมาถึงของ ‘น้องชายธานอส’
end credit ตัวแรกเป็นการแนะนำตัวละครใหม่ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) นั่นคือ Pip the Troll (ให้เสียงโดย แพตตัน ออสวอลท์) เอลี่ยนตัวเล็กคล้ายภูตแคระ และ อีรอส (นำแสดงโดย แฮร์รี สไตล์) ที่ในหนังสือการ์ตูนใช้ชื่อว่า Starfox
ในเครดิตท้ายเรื่องตัวแรก ธีนา, มัคคารี, ดรูอิก ได้ขึ้นยาน Domo ออกท่องไปในอวกาศ ตามหา Eternals คนอื่นๆ เพื่อบอกพวกเขาว่ากำลังถูก Celestial หลอกใช้อยู่ หลังจากนั้น Pip the Troll ก็ว้าบมาปรากฎตัวบนยาน Domo พร้อมประกาศการมาถึงของ อีรอส (Eros) ผู้เป็นน้องชายของธานอส และเจ้าชายแห่งดาวไททัน
หลังจากปรากฎตัว อีรอสก็หันไปหว่านเสน่ห์ใส่ธีนาเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่าเขารู้ว่าพวก Eternals อยู่กันที่ไหน แถมยังอ้างว่าตัวเองมีชิ้นส่วนเทคโนโลยีของ Eternals อยู่ด้วย นั่นเท่ากับบอกเป็นนัยๆ ว่า อีรอสเองก็เป็นหนึ่งใน Eternals ซึ่งตรงตามที่หนังสือการ์ตูนระบุไว้ว่า ธาทอส, อีรอส และเมนเทอร์ พ่อของทั้งคู่ เป็นชาวดาวไททัน และเป็นญาติกับเหล่า Eternals ที่อาศัยอยู่บนโลก
- Eros เป็นใคร มีพลังพิเศษอะไร?
อีรอส เป็นเผ่าพันธุ์ไททัน มีนิสัยเจ้าชู้ระดับคาสโนว่า เขาเข้ามามีบทบาทตอนช่วยพ่อต้านทานการบุกดาวไททันของธานอส ผู้เป็นพี่ชาย ตลอดจนช่วยกัปตันมาร์เวล และไอรอนแมนต่อกรกับธานอส
อีรอส มีพลังควบคุมประสาทส่วนที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ จึงทำให้คนมาหลงรักและทำตามที่เขาต้องการได้ นอกจากนี้ อีรอสยังทำให้คน 2 คนตกหลุมรักกันได้ด้วย เรียกว่ามีพลังเหมือน ‘กามเทพ’ ตามชื่อของเขานั่นแหละ
หมายเหตุ : ‘อีรอส’ เป็นชื่อเทพแห่งความรักของกรีก ขณะที่ทางโรมันจะเรียกว่า ‘คิวปิด’
- ‘อัศวินดำ’ และ ‘ดาบต้องสาป’
ในตอนท้ายเรื่อง เดน วิทแมน (คิต แฮร์ริงตัน) แฟนที่เป็นมนุษย์ของ เซอร์ซี (เจมมา ชาน) กำลังจะบอกความลับของตระกูลตัวเองให้เซอร์ซีรู้ แต่ ‘อริแชม’ ปรากฎตัวขึ้นแล้วพาตัวเธอไปก่อน เดนจึงยังไม่ได้พูดออกมา
แต่แล้วใน end credit ตัวที่ 2 เราก็ได้รู้ว่าความลับนั้นคืออะไร เมื่อ ‘เดน’ ตัดสินใจเปิดหีบโบราณของตระกูลแล้วเจอดาบลึกลับเล่มหนึ่ง มีข้อความสลักเอาไว้ว่า “ความตายคือรางวัลของข้า”
เดนกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบดาบก่อนที่จะมีคนส่งเสียงเตือนออกมาโดยที่ผู้ชมไม่เห็นหน้าว่า “แน่ใจนะว่าคุณพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้ว คุณวิทแมน”
ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้การ์ตูนมาร์เวลจะรู้ว่าดาบเล่มดังกล่าวคือ ดาบต้องคำสาปชื่อ Ebony Blade อาวุธที่พ่อมดเมอร์ลินหลอมขึ้นมาจากเศษอุกกาบาต มีพลังด้านลบอยู่ในตัว ส่วนเดนก็จะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ชื่อ ‘Black Knight’ ที่มี Ebony Blade เป็นดาบประจำตัว
นั่นเพราะ เดนต้องคำสาปที่ตกทอดกันมาทางสายเลือด เมื่อใดก็ตามที่คนในตระกูลเขาหยิบดาบ Ebony Blade ขึ้นมากวัดแกว่งก็จะกลายเป็น ‘อัศวินดำ’ คนต่อไป โดยเดนนั้นจะกลายเป็น Black Knight คนที่ 3 ต่อจากผู้เป็นลุง
โโคลอี้ จ้าว กับ คิต แฮริงตัน
ส่วนเสียงปริศนานั้น ‘โคลอี้ จ้าว’ ผู้กำกับ Eternals ยืนยันเองว่าเป็นเสียงของ Mahershala Ali นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ซึ่งจะมารับบทซูเปอร์ฮีโร่ที่สำคัญตัวหนึ่งในจักรวาลการ์ตูนมาร์เวล นั่นคือ Blade นักล่าแวมไพร์ผู้เก่งกาจ
ทั้งนี้ Blade ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่โด่งดังในช่วงปลายยุค 90 ต้นยุค 2000 นั่นคือ ‘Blade พันธุ์ฆ่าอมตะ’ ที่นำแสดงโดย ‘เวสลีย์ สไนป์ส’ และตอนนี้มาร์เวลก็จะหยิบเรื่องราวของนักล่าแวมไพร์คนนี้มาสร้างเป็นหนัง MCU เรื่องแรก โดยมีการประกาศว่าจะดึง Mahershala Ali มาเล่นเป็น Blade เอาไว้ตั้งแต่ในงาน Comic-Con ที่ซานดิเอโกเมื่อปี 2019 แล้ว
ผู้กำกับ โคลอี้ จ้าว บอกว่าเรื่องราวของ Blade ก็เกี่ยวข้องกับคำสาปต้นตระกูลเหมือนกัน เพราะเขาเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์
“ฉันชอบ Blade เขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่คนโปรดคนหนึ่งของฉันเลย ซึ่งมันน่าตื่นเต้นมากที่ MCU จะนำเขากลับมา”
end credit ทั้งสองตัวนี้แสดงให้เห็นว่าจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) นั้นยังมีเรื่องยาวให้แตกแขนงออกไปได้อีกมากมาย ซึ่งต้องตามดูกันต่อไปว่าทั้ง อีรอส, Black Knight และ Blade จะมาปรากฎตัวในหนังเรื่องไหนบ้าง และจะมีเสน่ห์จนสามารถสร้างฐานแฟนคลับของตัวเองได้แน่นหนาเหมือนกับซูเปอร์ฮีโร่คนก่อนๆ ได้หรือไม่