"ทิมโมตี้ เลิศสมิติวันท์" กับงานท้าทาย "ที่พักผู้สูงอายุ“ที่ไม่เหมือนใคร
หลายคนอาจจะมีงานในฝัน ทว่า "ทิมโมตี้ อีเมน เลิศสมิติวันท์" คนนี้ยังไม่ทันฝันก็ได้งานทำที่มีความสุข และทำงานที่ท้าทายมาตลอด ล่าสุดกับงานท้าทาย “ที่พักผู้สูงอายุ” ที่ไม่เหมือนใคร
จุดประกายทอล์ค วันนี้ขอนำเสนอบุคคลที่น่าสนใจ เพราะกว่าจะมาเป็น จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ อย่างทุกวันนี้ เด็กหนุ่มลูกครึ่ง ไทย-อเมริกัน อายุ 18 ปี
นามว่าทิมโมตี้ อีเมน เลิศสมิติวันท์ ตอนนั้นเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยในสมัยวัยรุ่น ก็เลยชอบเที่ยวกลางคืน
เที่ยวทุกๆคืน จนถูกจ้างให้ทำงานที่เกี่ยวกับการ “กิน ดื่ม เที่ยว” โดยบริษัทออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แถมมีเงินเดือน เพื่อนๆ บอกว่า “โคตรโชคดี”
แล้วงานที่ท้าทายความสามารถของเขา ตั้งแต่งานแรกจนถึงงานปัจจุบัน เป็นงานแบบไหน
ล่าสุดเขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) โครงการเวลเนส คอมมูนิตี้ ที่พักอาศัยเพื่อผู้สูงวัย
พร้อมบริการทางการแพทย์ โดย ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่เขาต้องชนะ ถ้าเมื่อใดประสบความสำเร็จ เขาจะเกษียณออกไปตีกอล์ฟอย่างเดียว
และนี่คือ บทสัมภาษณ์ที่ทิมโมตี้ พูดคุยกับ “จุดประกาย-กรุงเทพธุรกิจ”
อยากให้คุณทิมเล่าถึงจุดเริ่มต้นชีวิตการทำงาน
ผมเป็นลูกครึ่งพ่อไทย แม่เป็นอเมริกัน เกิดเมืองไทยได้ปีหนึ่ง ก็ไปอยู่อเมริกา จนจบไฮสคูลอายุ 18 ปี ก็มาเรียนที่ ABAC ด้าน Business Marketing
ตอนนั้นผมยังวัยรุ่น มาเมืองไทยใหม่ๆ สนใจแต่เรื่องเที่ยว ตอนเรียนปี 5 เจอประธานบริษัทเป๊ปซี่ที่ผมไปเที่ยวแหละ เพราะเขาเป็นสปอนเซอร์ให้ดารา ทุกคืนเขาก็จะเจอเรา
วันหนึ่งมาคุยกันถามว่า คุณทำอะไร ผมบอกว่าเป็นนักศึกษา เขาก็ตกใจ ห๊ายูเป็นนักศึกษา เที่ยวทุกคืนเลยเหรอ ผมบอกว่าใช่
ยุคนั้น Rome Club ดังสุดอยู่สีลมซอย 5 เป็นบาร์เกย์ ดารา นางงาม นางแบบชื่อดัง ช่างแต่งหน้า ดารายุโรปมาเที่ยวเมืองไทย ก็มาเจอกันที่นั่น
ก็เลยเป็นที่มาของการได้งานทำครั้งแรก?
ใช่ครับ แต่ผมคิดว่าคนนี้มาแปลก เจอคนเที่ยวดึกๆ ทุกวัน แถมยังเรียนติดProbation แล้วยังชวนไปทำงานอีก วันที่นัดสัมภาษณ์งาน
ก็มองว่าผมไม่มีทางได้งานหรอก แต่งตัวใส่สูทผ้าไหมแบบคนเที่ยวกลางคืน แถมยังแฮงค์ นัดสัมภาษณ์ 9 โมงเช้า ก็เลยเที่ยวถึง 7 โมงเช้ากินข้าว 8 โมงครึ่ง แล้วไปสัมภาษณ์งาน
สักพักประธานบริษัทฝรั่ง ก็เดินมาบอกว่า Good to see you again เขาพูดว่า คุณเพิ่งกลับจากเที่ยวมาเหรอ ผมก็บอกว่า เออ
เขาก็บอกว่าดีแล้วๆ แล้วเขาก็เดินออกไป ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าไม่มีทางได้งานหรอก ทำไมเรียกมาสัมภาษณ์
แล้วยังไงต่อคะ ?
วันรุ่งขึ้นเขาเรียกมาสัมภาษณ์อีกครั้้ง บอกว่า ทิมโมตี้ อีเมน เลิศสมิติวันท์ คุณไม่ต้องมาออฟฟิศตอนเช้า เพราะว่าคุณต้องเที่ยวกลางคืนทุกวันอยู่แล้ว
มาเข้างานตอนบ่าย 2 เพื่อเคลียร์งานช่วงบ่ายกับผู้บริหาร ค่าเที่ยว ค่ารถ ค่าดริ้ง บริษัทจ่ายให้ทั้งหมด ผมนี่งงเลย ถามว่า แล้วไอต้องทำอะไร งานของไอคืออะไร
เขาบอกว่ายูก็ไปดื่มเหล้า ไปเที่ยวไปดูว่า ที่นั่นเขามีเป๊ปซี่ขายหรือเปล่า ไปคุยกับเจ้าของร้าน เดี๋ยวนะ งานของเราคือไปเที่ยวเหมือนเดิม
ปกติไอเที่ยวอยู่แล้ว จ่ายเงินเอง ตอนนี้จะมีคนจ่ายค่าเที่ยวให้ทุกอย่างแถมมีเงินเดือนให้ เพื่อนผมบอกว่าไอ้ทิม มึงโคตรโชคดีเลย
แล้วอะไรคือความท้าทาย?
หลังจากทำงานได้ปีกว่า ผมก็ถูกส่งไปแก้ปัญหาที่ภูเก็ต ตอนนั้น “เสริมสุข” ขายเป๊ปซี่เฉลี่ยได้แค่วันละ 1 ลัง บริษัทเป๊ปซี่อินเตอร์กำลังจะมาจัดประชุมเป๊ปซี่จากทั่วโลกที่ภูเก็ต
ถ้ามาแล้วเขาสั่งเป๊ปซี่ไม่ได้ที่นั่น ต้องขายหน้าแน่ๆ เจ้านายเราก็สั่งมาว่า “ทิม” ไอไม่สนใจว่ายูจะทำยังไง ต้องห้ามขายหน้าเป๊ปซี่อินเตอร์เด็ดขาดว่าสั่งเป๊ปซี่ที่โน่นแล้วไม่มีขาย
ผมก็บอกว่า ถ้าผมทำได้ ขออะไรเจ้านายก็ต้องให้ เขารับปากผมก็บินไปใต้เลย
โจทย์ยากขนาดนั้น ทำยังไงคะ
กลยุทธง่ายๆ มีร้านเบอร์ 1 กับร้านเบอร์ 2 ผมเข้าไปร้านเบอร์ 2 ก่อน คุยกับเขา เอ๊ะคุณขายโค้กอย่างเดียว ทำไมเหรอ เขาก็ตอบมา 1-7 ข้อ
เขาให้ตู้เย็นให้น้ำฟรีให้นั่นให้นี่ให้ทุกอย่าง เราก็เข้าใจ แต่วันนี้ใกล้คริสต์มาส ผมมาที่นี่ ถ้าคุณให้เป๊ปซี่ลงขายด้วย ผมจะให้น้ำฟรี คุณจะได้ตู้เย็นเพิ่มอีก 1 ใบ แล้วจะได้ 1-6 ฟรี ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย แล้วเราก็เป็นเพื่อนกัน
ขออย่างเดียวได้ไหม ขอหลักฐานยืนยันว่า ยูได้ของพวกนี้ฟรี ถ้าโค้กไม่ให้ตามนี้ผมจะให้ทุกอย่างเอง ให้ตู้เย็น 2 ใบ ให้ทุกอย่างเท่าตัวขอแค่แบ่งขายคนละครึ่ง
เพื่อนๆ ร้านอาหารอื่นก็มองดูว่าไอ้ฝรั่งคนนี้มาไม้ไหน ก็เป็นไปตามคาดโค้กรู้เข้า ก็บอกร้านว่าอย่าไปสนใจไร้สาระ เดี๋ยวเขาจะให้เอง
ร้านก็กลับมาบอกเราว่า ทิม ยูพูดถูก ทางนั้นจะให้เองทุกอย่าง มีใบเสร็จยืนยันด้วยว่าให้ฟรี
แล้วคุณทิมทำยังไงต่อคะ
ผมก็ไปคุยกับร้านเบอร์ 1 ของภูเก็ตว่า คุณได้อะไรบ้างจากโค้ก ร้านเบอร์ 2 เขาได้อันนี้ๆๆๆฟรี เขาไม่เชื่อ ผมมีใบเสร็จยืนยันด้วย
คุณโทรไปเลยว่า เราก็ต้องได้แบบนี้ด้วย ถ้าเขาไม่ให้เดี๋ยวผมให้คุณเอง บางร้านไม่คุย เอาเป๊ปซี่มาลงด้วยเลย
และโทษทีผมไม่ได้คุยแบบนี้ที่ภูเก็ตอย่างเดียวนะ ผมไปสมุย ไปหาดใหญ่ สงขลา ไปทุกหัวเมือง ไปแจกให้ทุกคน
เพราะมีกฎกติกาอันหนึ่งว่า ถ้าจะให้ ต้องให้ทุกคนเหมือนกัน ถ้าไม่ให้ก็ต้องไม่ให้ทั้งหมด
เพราะถ้าให้บางคน บางคนก็ต้องไม่พอใจ ผมดีใจที่เจ้าแรกที่ผมไปคุยรับข้อเสนอ แล้วคู่แข่งทุ่มลงมาตอนแรก ก็เลยเกิดช่องทางให้เราบุกตลาดได้สำเร็จ ผมไปทำงานได้อาทิตย์กว่า มีป้ายเป๊ปซี่ขึ้นแทบทุกร้าน
กลยุทธนี้ได้มาจากไหน?
เจ้านายเรานั่นแหละสอน เป็นการตลาดแบบจอมยุทธจริงๆ สมัยที่เราเที่ยวกลางคืน พัฒนพงศ์ ธนิยะ มีบาร์เยอะ วิธีเข้าออกบาร์ บางครั้งเราแจกเสื้อ แจกนั่นนี่ เจ้านายบอกว่ายูแจกได้ไง เดี๋ยวทุกร้านก็ขอบ้าง ถ้าให้ก็ต้องให้ทุกร้าน
ผมเข้าใจก็เลยเอาทฤษฎีนี้ไปใช้ เข้าไปไม่นานผมเป็นเบอร์ 1 การตลาดที่นั่น และยุคนั้น ปี 92 เขมร พม่า เวียดนาม เพิ่งเปิดประเทศ เขาก็ส่งเราไปเปิดการตลาด
ตอนนั้น ฮุน เซน แพ้เลือกตั้ง UN และทั่วโลกคิดว่าเขมรต้องกลับไปมีสงครามอีกแน่ๆ เพราะฮุน เซน คงไม่ยอมแพ้ ตอนนั้นผมอายุ 23-24 กำลังสนุกเลย
ทำงานที่เขมรพักโรงแรม 5 ดาว มีคนขับรถ ทำได้ 6-7 เดือน ไม่เกิดสงครามอย่างที่คนเขากลัวกัน ผู้บริหารที่เคยทิ้งงานไปก็กลับมา
ผมก็เลยว่างงาน เจ้านายฝรั่งที่ส่งผมไปเขาโมโหมาก บอกให้ผมลาออกเดี๋ยวนี้เลย เพราะกลับเมืองไทยก็ไม่มีตำแหน่ง
ทำไมเป็นแบบนั้นละคะ
ผมก็งงมาก ตอนนั้นเรายังเด็กเกินไป ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เจ้านายโทรไปเฮดออฟฟิศที่สิงคโปร์ บอกว่าผมมีลูกน้องคนหนึ่ง
รับประกันทำงานได้ 100 % คนนี้เก่งมาก จะให้ทำด้าน Sales and Marketing เขาสามารถทำให้คุณได้หมดทุกอย่าง
ใครอยากได้ให้ offer มาก่อนเที่ยงคืนวันนี้ แล้วสั่งผมให้เฝ้าเครื่องแฟกซ์ ผมก็งงอะไรวะ เมื่อกี้บอกให้ลาออก ตอนนี้ให้นั่งเฝ้าเครื่องแฟกซ์
เชื่อไหมภายใน 2 ชั่วโมง เสียงเครื่องแฟกซ์ดังตลอด มีบริษัทต่างๆเสนอให้ตำแหน่งเต็มไปหมด เช่นตำแหน่ง GM เงินเดือน สองแสนห้า พักโรงแรม 5 ดาว มีคนขับรถ เงินเดือน 3 แสน 4แสนก็มี
ผมตกใจมาก วิ่งกลับไปที่โรงแรม เคาะประตูห้องเจ้านาย เขาเปิดประตูแล้วตะโกนว่า อะไรอีกวะ ผมบอกว่าเจ้านายๆช่วยดูหน่อย
เขาก็บอกว่าเอ็งก็เลือกเองเลยสิวะ อันไหนก็ได้ ทำให้ขนาดนี้แล้วดูเองสิ โอ้โหเหมือนของขวัญคริสต์มาสเลย
ในที่สุดผมก็เลือก British America Tobacco (BAT)ไปบุกตลาดที่เขมร ก็โดนท้าทายอีก แล้วผมก็ทำสำเร็จ
ที่เขมรท้าทายยังไง?
ตอนเขมร เวียดนามเปิดประเทศใหม่ๆ เขาไม่มีร้านค้า ไม่มีผู้บริหาร ไม่มีอะไรเลย เราเคยผ่านประสบการณ์มาก็รู้หมดแค่ Copy มาภายใน 4-5 เดือนกลายเป็นเบอร์ 1 ของเขมร
ตอนนั้นยูนิลิเวอร์ก็โทรมา ให้ไปช่วย Offer เงินเดือนให้เท่าตัว ซักพักหนึ่ง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โทรมา ภายใน 5 ปีแรกผมเปิด 5 บริษัท หลังจากนั้นผมก็ถูกส่งไปพม่า ทำอยู่ 10ปี 10 บริษัท 3 ประเทศ
โครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ท้าทายอย่างไร
ต้องเล่าที่มาว่า ก่อนที่ THG (ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป) จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ผมกำลังปั้นบริษัทตัวเองชื่อ บริษัท Oils R Us Co.,Ltd เกี่ยวกับน้ำมัน
กำลังจะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ สุดท้ายก็ขายบริษัทไปได้กำไร 10 เท่าถือว่าประสบความสำเร็จ และโชคดีที่ขายก่อนโควิดจะมา ผมคิดว่าจะเกษียณแล้วไปตีกอล์ฟ อีกสองปีกว่า ลูกก็จะไปเรียนที่อเมริกาด้วย
แล้วเกิดอะไรขึ้น ?
คุณนลิน ลูกสาวอาจารย์บุญ (วนาสิน) โทรมา รู้ว่าผมว่าง ก็เลยให้ผมมาบริหารที่นี่ (จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ) ผมมองว่าธุรกิจนี้ดี แต่อาจจะเร็วไปนิดหนึ่ง
หมู่บ้านผู้สูงอายุทุกวันนี้มีแต่โครงการ แต่ยังไม่เกิดขึ้นจริง นี่เป็นโครงการแรกที่สมบูรณ์ ผมเห็นเลยว่าช่องทางในการขายเป็นแบบอสังหาริมทรัพย์ คือขายอพาร์ทเม้นท์ จริงๆคือมันไม่ใช่
หลังจากเขาพยายามทำปีแรก ก็มองเห็นแล้วว่ามันผิดทาง คนสูงอายุไม่ได้อยากมาอยู่โรงพยาบาล ผมมองว่ามันต้องเป็นไลฟสไตล์ คนมาอยากเซฟตี้
อยากได้สุขภาพ อยากได้สังคมที่ดี อยากได้ความปลอดภัย อยากได้ความสบายใจ ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไป เป็นอัมพฤกษ์ ติดเตียง ไม่มีญาติ ใครจะดูแลเขา
คุณทิมพลิกคอนเซ็ปต์เดิมมาเป็นไลฟสไตล์อย่างไร
ตอนแรกเขาคิดเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์(Real Estate) เลย โรงพยาบาลมาทีหลังก็ได้ แต่คนที่มาซื้อเขาอยากได้ Security กับโรงพยาบาล ก็เลยสร้าง
แต่ไม่มีกิจกรรม ซื้อคอนโดแล้วนอนอยู่ในห้องเฉยๆ ไม่ตอบโจทย์ ต่อให้โรงพยาบาลดีเลิศ คนก็ไม่อยากอยู่ เราต้องเปลี่ยนเป็นไลฟสไตล์ หลายๆแห่งก็จะเปิดธุรกิจแบบนี้ ผมว่าดี
การที่เราเปิดตลาดแบบนี้คนเดียว เราจะเหนื่อย เพราะเรากระบอกเสียงเล็กๆ ถ้ามีรายใหญ่กระบอกเสียงดังๆ เรายิ่งดีใจ เพราะว่ากลุ่มสูงอายุในเมืองไทย
ตอนนี้มีประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ภายใน 5 ปีจะขึ้นมา 15-18 เปอร์เซ็นต์ จะมีประมาณ 15 ล้านคน โรงพยาบาลเปิดใหม่ทุกปี แต่สถานที่สำหรับคนสูงอายุยังมีน้อยมาก ตรงนี้ผมเป็นห่วงนะ ถ้าเปิดกันเยอะๆก็จะดี
สรุปเป็นคนที่ชอบทำงานที่ท้าทาย
เท่าที่เล่ามาก็จะเห็นว่า ผมเป็นคนที่ Extreme ไปหน่อย ธรรมดาไม่ค่อยเป็น แฟนเรา เพื่อนเรา คนที่รู้จักเรา รู้ดีกว่าเราเป็นคนยังไง
ไม่ใช่ว่าผมชอบความท้าทายนะ ผมยิ่งไม่ชอบเลย เพราะว่า ผมปฏิเสธความท้าทายไม่ได้ ใครท้าทายเมื่อไหร่เป็นเรื่อง
ตอนผมเข้าวงการบุหรี่ใหม่ๆ มีคนท้าทายว่าผมเป็นน้องใหม่เพิ่งมาจากสงคราม Cola wars คุณไม่รู้เรื่อง Tabacco Wars หรอก วันนั้นทุกคนเห็นว่าผมบ้าไปเลย ทำงาน 24 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 7 วัน ผมตั้งทีมกลางวัน ทีมกลางคืน ดันถึงที่สุด
วันนี้ยังคงรับงานท้าทายไหม?
ผมถึงอยู่ที่นี่ไง เหมือน Hospitals คนอื่นบอกว่าทำไม่ได้ ผมก็ทำมาแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 55 ปีแล้ว ถ้างานนี้สำเร็จ (จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้) อยากจะเกษียณ ไปตีกอล์ฟอย่างเดียวแล้ว
เพราะเป็นสิ่งที่เราได้ท้าทายคู่แข่งและท้าทายตัวเอง สนามกอล์ฟมี 18 หลุม เพื่อนอยู่หรือไม่เราก็ต้องตีท้าทายตัวเองว่าจะตีผ่านไหม พยายามเกษียณมารอบหนึ่งแล้วตอนที่ขายบริษัท
อยากให้พูดถึง จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ อีกสักนิด
จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เป็นที่พักอาศัยแบบ active living อาคารสูง 7 ชั้น 5 หลัง ประมาณ 494 ยูนิต ออกแบบมาเหมาะกับผู้สูงอายุ คำนึงถึงความปลอดภัย สะดวกสบาย
เช่นมีเครื่องตรวจจับสถานะสุขภาพ (Health Tracking System) หน่วยพยาบาลฉุกเฉินเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง สัญญาณเตือนภัย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินทั้งภายในห้องพักและรอบโครงการ รปภ. และ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
มีกิจกรรมอะไรบ้างนะคะ
มีห้องคาราโอเกะ ห้องอเนกประสงค์ สระออกกำลังกาย ห้องออกกำลังกายสำหรับผู้สูงวัย มีพื้นที่ปลูกผักปลอดสารพิษ และ ลานกิจกรรมกลางแจ้ง
ภายในพื้นที่โครงการขนาด 140 ไร่ โดยตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มีแพ็กเกจฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งแบบระยะสั้น 3-7 วัน ไปจนถึงระยะยาว 30 วัน ราคาตั้งแต่ 6,900 – 73,000 บาท
ยกตัวอย่างสิ่งที่ได้ในแพคเกจ?
ก็มีโปรแกรมประเมินสุขภาพ กิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กิจกรรมสันทนาการต่างๆ มีอาหาร 3 มื้อ ผมว่าตอบโจทย์คนตอนนี้
ที่มีความเครียดได้มาดูแลสุขภาพแบบ Retreat คนสนใจเรื่องการสร้างภูมิต้านทาน ชะลอความเสื่อมถอย กลับคืนไปสู่สุขภาพที่สมบูรณ์ทั้งทางกายและทางใจ มาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ มีสิ่งอำนวยความสะดวก กินอาหารอร่อย
สรุป โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ แบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่พักอาศัย สามารถซื้อกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของห้องและส่งต่อให้ลูกหลาน หรือ เข้าพักตามแพ็กเกจก็ได้
ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ของโรงพยาบาลธนบุรีบูรณา ตั้งอยู่ในโครงการ เพื่อให้บริการด้านการแพทย์ พร้อมทีมบริการฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้พักอาศัย
ส่วนที่ 3 คือ จิณณ์ เวลเนส เป็นพื้นที่ให้บริการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย และกิจกรรมป้องกันความเสื่อมจากโรคภัยแบบเฉพาะบุคคล ที่บุคคลภายนอกเข้าไปใช้บริการได้