Spider-Man: No Way Home หนังเรื่องแรกยุคโควิด ฟันรายได้ทะลุพันล้านเหรียญ

มาแรงจริงๆ สำหรับภาพยนตร์ปิดไตรภาคไอ้แมงมุมฉบับ “ทอม ฮอลแลนด์” เมื่อล่าสุดมีรายงานว่า “Spider-Man: No Way Home” ทำรายได้ทั่วโลกทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายหลังจากที่เข้าฉายไปได้เพียง 11 วันเท่านั้น

 

เท่ากับว่า “Spider-Man: No Way Home” ได้สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในยุคโควิดระบาดที่สามารถทำรายได้แตะหลักพันล้านเหรียญสำเร็จ

 

ส่วนตำแหน่ง ภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกแตะ 1,000 ล้านเหรียญ เร็วที่สุด ยังคงเป็นของ “Avengers: Endgame” ที่ทำไปได้เพียง 5 วันเท่านั้น แต่ No Way Home ก็ถือว่ามาแรงไม่น้อย เพราะสามารถขยับขึ้นมาเบียด “Avengers: Infinity War” ครองตำแหน่งที่ 2 ของภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกแตะ 1,000 ล้านเหรียญ เร็วที่สุดร่วมกัน

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ ช่วงที่ไวรัสโควิดแพร่ระบาดไปทั่วโลกตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้โรงหนังต้องปิดทำการยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ พอกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ชินกับการเสพความบันเทิงอยู่ที่บ้าน ประกอบกับคนบางส่วนยังกลัวการเข้าโรงหนังอยู่ จึงทำให้ไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องใดในยุคโควิดที่ทำรายได้ทะลุ หรือแม้แต่เข้าใกล้ระดับพันล้านเหรียญเลย จนกระทั่งมาถึง “Spider-Man: No Way Home”

 

โดยหนังฮอลลีวู้ดที่ทำรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านเหรียญเรื่องก่อนหน้านี้คือ “Star Wars: The Rise of Skywalker” ที่ทำเอาไว้ตั้งแต่ปี 2019 ส่วน “หนังฮอลลีวู้ด” ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2021 นี้ (ก่อนที่ Spider-Man: No Way Home จะมาทำลายสถิติลง) คือ “No Time to Die” ภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ตอนที่ 25 ซึ่งกวาดรายได้ทั่วโลกไป 774 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็ถือว่ายังไม่ใกล้เคียงกับหลักพันล้าน

 

ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ “No Way Home” สามารถทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่ยังไม่ได้เข้าฉายในจีน ซึ่งเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกเลยด้วยซ้ำ ทำให้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่า รายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะไปจบลงที่ตรงไหน

 

การทำรายได้ทะลุพันล้านดอลลาร์ของ “Spider-Man: No Way Home” ยังทำให้ครองตำแหน่ง “หนังที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดในปี 2021” ไปครองโดยปริยาย โค่นแชมป์เก่าที่เป็นหนังจีนเรื่อง “The Battle at Lake Changjin” ที่ทำสถิติเอาไว้ที่ 902 ล้านดอลลาร์สหรัฐ