ส่องความยิ่งใหญ่ ‘Coldplay’ ก่อนหยุดทำเพลงในปี 2568

ส่องความยิ่งใหญ่ ‘Coldplay’ ก่อนหยุดทำเพลงในปี 2568

ส่องความยิ่งใหญ่ของ “โคลด์เพลย์” (Coldplay) วงดนตรีระดับตำนาน หลัง “คริส มาร์ติน” (Chris Martin) นักร้องนำประกาศข่าวใหญ่ว่า วงจะเลิกทำเพลงใหม่ตั้งแต่ปี 2568

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คริส มาร์ติน นักร้องนำวง โคลด์เพลย์ เปิดเผยในรายการ “Christmas with Chris Martin and Jo Whiley” ที่ออกอากาศทาง “BBC Radio 2” ว่า โคลด์เพลย์จะทำเพลงถึงปี 2568 หลังจากนั้นจะเน้นเป็นการทัวร์คอนเสิร์ต และ ร่วมงานกับศิลปินคนอื่นแทน แต่คงจะไม่ทำเพลงใหม่ออกมาอีกแล้ว โดยวางแผนไว้ว่าอัลบั้มสุดท้ายจะใช้ชื่อว่า “Coldplay” ตามชื่อวง พร้อมยืนยันว่า "วงยังคงอยู่ ไม่ได้จะยุบวงแต่อย่างใด"

ก่อนหน้านี้ คริสเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร “เอ็นเอ็มอี” (NME: New Musical Express) เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาว่า โคลด์เพลย์ตั้งใจจะทำอัลบั้มทั้งหมด 12 ชุด และหลังจากนั้นจะเลิกทำเพลง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่คริสได้เปิดเผยถึงกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน และยิ่งตอกย้ำถึงแผนที่จะเลิกทำเพลงของวง 

นอกจากนี้ คริสยังกล่าวอีกว่า ในอนาคตโคลด์เพลย์จะเป็นวงที่ทำแต่ทัวร์คอนเสิร์ต เหมือนกับที่ “โรลลิง สโตนส์” (Rolling Stones) วงร็อคระดับตำนาน ยังคงมีคอนเสิร์ตอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีเพลงใหม่มาแล้วก็ตาม

ส่องความยิ่งใหญ่ ‘Coldplay’ ก่อนหยุดทำเพลงในปี 2568
- เครดิตรูป: เพจเฟซบุ๊ค Coldplay -

โคลด์เพลย์เป็นวงดนตรีสัญชาติอังกฤษ มีสมาชิกด้วยกัน 5 คน ประกอบไปด้วย คริส มาร์ติน นักร้องนำ, “จอห์นนี บัคแลนด์” (Jonny Buckland) มือกีตาร์, “กาย เบอร์รีแมน” (Guy Berryman) มือเบส, “วิลล์ แชมเปียน” (Will Champion) มือกลอง และ “ฟิล ฮาร์วี” (Phil Harvey) ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ของวง โดยทั้งหมดได้เจอกันในมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (University College London) ในปี 2539 และเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ระยะแรกวงได้ใช้ชื่อว่า “เพ็กโทรอลซ์” (Pectoralz) และ “สตาร์ฟิช” (Starfish) ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น โคลด์เพลย์ ในที่สุด

  • ผลงานเด่นช่วงกว่า 2 ทศวรรษ

ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีบนเส้นทางสายดนตรี โคลด์เพลย์ได้ปล่อยอัลบั้มมาทั้งหมด 9 ชุด โดยอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกปล่อยมาในปี 2543 ในชื่อ “Parachutes” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างดี แต่วงเริ่มมาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในช่วงอัลบั้มที่ 3 “X&Y” จนทำให้อัลบั้มนี้กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงที่สุดทั่วโลกในปี 2548 

ต่อมาในปี 2551 โคลด์เพลย์ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 4 ชื่อ “Viva la Vida or Death and All His Friends” ซึ่งอัลบั้มนี้เองที่ทำให้โคลด์เพลย์สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่มาครองได้สำเร็จ

ในปี 2554 อัลบั้มชุดที่ 5 “Mylo Xyloto” ของโคลด์เพลย์ที่ถูกปล่อยออกมา พร้อมสร้างปรากฏการณ์ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ใน 34 ประเทศทั่วโลก และเป็นอัลบั้มร็อคที่มียอดขายสูงสุดในอังกฤษประจำปีนั้นอีกด้วย
ส่องความยิ่งใหญ่ ‘Coldplay’ ก่อนหยุดทำเพลงในปี 2568
- เครดิตรูป: AFP -

หลังจากนั้นโคลด์เพลย์ได้ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 6-8 ออกมาดังนี้ "Ghost Stories" (2557), "A Head Full of Dreams" (2558), "Everyday Life" (2562)

โคลด์เพลย์มีเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Yellow” เพลงแรกที่ทำให้คนรู้จักกับโคลด์เพลย์, "The Scientist" หนึ่งในเพลงอมตะที่สุดของวง, “Fix You” เพลงให้กำลังใจชั้นยอด, “Viva la Vida” เพลงแรกของวงที่สามารถขึ้นอับดับ 1 บน “ชาร์ตบิลบอร์ด ฮอต 100” (BillBoard Hot 100) ได้สำเร็จ และถูกยกให้เป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดในทศวรรษจากนิตยสารโรลลิงสโตนส์ และ บีบีซี, "A Sky Full of Stars" ที่สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทไอทูนส์ใน 86 ประเทศทั่วโลก

ตลอดจน “Paradise”, “Adventure of a Lifetime”, และ “Hymn For The Weekend” เป็น 3 เพลงที่มีเพลงที่มียอดวิวเกิน 1,000 ล้านวิว บนยูทูบ และส่งให้โคลด์เพลย์เป็นวงดนตรีที่มีเพลง 1,000 ล้านวิว มากที่สุดอีกด้วย

  • ประสบความสำเร็จที่สุดยุคศตวรรษ 21

จากการรายงานของ “ชาร์ตมาสเตอร์” (Chart Masters) ระบุว่าโคลด์เพลย์ทำยอดขายทุกอัลบั้มรวมกันได้มากกว่า 100 ล้านอัลบั้ม อีกทั้งยังเป็นเจ้าของรางวัลมากมาย โดยชนะรางวัลแกรมมี่ (Grammy Awards) 7 ครั้ง และบริทอะวอร์ด (Brit Awards) 9 ครั้ง จนนิตยสาร โรลลิง สโตน (Rolling Stone) ยกให้โคลด์เพลย์เป็นวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในศตวรรษที่ 21 โดยในทุกอัลบั้มสามารถทำยอดขายเป็นอันดับ 1 ในอังกฤษ

นอกจากนี้ โคลด์เพลย์ยังเป็นวงดนตรีที่มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดตามบนทวิตเตอร์ ถึง 23.5 ล้านบัญชี และ มีผู้ติดตามในอินสตาแกรม 14.5 ล้านบัญชี (ยอดนับเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2564) จึงไม่แปลกใจที่โคลด์เพลย์จะได้รับเลือกให้ขึ้นแสดงในช่วงพักครึ่งของการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 50 (Super Bowl 50 halftime show) โดยมีผู้รับชมกว่า 115.5 ล้านคน ซึ่งเป็นรายการที่มีผู้ชมสูงสุดเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์สหรัฐ

ส่องความยิ่งใหญ่ ‘Coldplay’ ก่อนหยุดทำเพลงในปี 2568
- เครดิตรูป: แชนแนลยูทูบ Coldplay -

เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา โคลด์เพลย์ปล่อยอัลบั้มชุดล่าสุดในชื่อ “Music of the Spheres” มีซิงเกิ้ลสุดฮิตอย่าง “My Universe” ที่ได้ร่วมงานกับบอยแบนด์ชื่อดังอย่าง “BTS” ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนสามารถเดบิวต์อันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด ฮอต 100 ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นเพลงแรกในรอบ 13 ปีของวงที่สามารถขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตบิลบอร์ดได้สำเร็จ หลังจากเพลง Viva la Vida ที่เคยขึ้นอันดับ 1 ในปี 2551

 

  • เตรียมเริ่มเวิลด์ทัวร์อีกครั้ง ปี 65

โคลด์เพลย์ประกาศด้วยว่า จะเริ่มกลับมาจัดแสดงคอนเสิร์ตทั่วโลกในปี 2565 โดยใช้ชื่อว่า “Music of the Spheres World Tour” กำหนดจัดแสดงในทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปอเมริกาใต้ และทวีปยุโรป ซึ่งวงระบุว่า คอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นนี้จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% จากคอนเสิร์ตครั้งก่อน และจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการแสดงบนเวทีทั้งหมด ด้วยการติดตั้ง “แผ่นพลังงานจลน์” (Kinetic Floor) ที่สามารถผลิตพลังงานจากการเคลื่อนไหวของผู้ชม พร้อมติดตั้งแผงโซลาเซลล์รอบเวที ส่วนตัวเวทีจะสร้างจากวัสดุทดแทน (Renewable Materials) เช่น ไม้ไผ่ เหล็กรีไซเคิล

สำหรับประเทศไทยโคลด์เพลย์เคยมาจัดคอนเสิร์ตด้วยกัน 2 ครั้งคือ “A Rush of Blood to the Head Tour” ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในปี 2546 และกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ใน “A Head Full of Dreams Tour” ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ในปี 2560 ซึ่งมีผู้ชมกว่า 60,000 คน

------------------------------

ที่มา: BBC, BillBoard, NMERolling StoneThe Guardian