เจาะลึกโครงการ "ย้ายมนุษย์ไปดาวอังคาร" ของ "อีลอน มัสก์"

เจาะลึกโครงการ "ย้ายมนุษย์ไปดาวอังคาร" ของ "อีลอน มัสก์"

“SpaceX” เตรียมสร้างเมืองบนดาวอังคาร รองรับประชากรได้ราว 1 ล้านคน พร้อมสร้างระบบนิเวศน์เหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ภายใน 3 ทศวรรษ แต่อาจไม่ง่ายขนาดนั้น เมื่อสภาพภูมิอากาศของดาวอังคารไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของมนุษย์ การเดินทางที่ใช้เวลานาน และกฎหมายที่ไม่รับรอง

อีลอน มัสก์” ผู้ก่อตั้งบริษัท Tesla และ SpaceX เตรียมสร้างเมืองบนดาวอังคารสำหรับเป็นที่อยู่ใหม่ของมวลมนุษยชาติ โดยเมืองใหม่บนดาวอังคารนี้จะมีรัฐบาลปกครองตนเอง ตามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดและเงื่อนไขบริการของ Starlink ที่เผยแพร่ในเดือนต.ค. 2563 ซึ่งไม่สอดคล้องกับ สนธิสัญญาว่าด้วยหลักเกณฑ์การดำเนินกิจการของรัฐในการสำรวจและการใช้อวกาศภายนอก รวมทั้งดวงจันทร์และเทหะในท้องฟ้าอื่น ๆ ปี 2510 (Treaty on Principles Governing the Activities of States in the Exploration and Use of Outer Space, including the Moon and Other Celestial Bodies หรือ "Outer Space Treaty") ที่ระบุว่า ประเทศต้นทางผู้ปล่อยจรวดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรมทางอวกาศที่จะเกิดขึ้นตามมา

 

  • ทำไมต้องย้ายไปดาวอังคาร

มัสก์มักพูดเสมอว่า หากมนุษยชาติยังอาศัยอยู่บนโลกต่อไปเรื่อย ๆ สักวันจะต้องถึงจุดจบ ไม่ว่าจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป หรือ ดาวหางพุ่งชนโลก แต่ย้ายไปอยู่ที่ดาวดวงอื่น อย่างดาวอังคาร มนุษยชาติจะยังคงดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อไปได้ ขณะเดียวกันการสร้างอารยธรรมในอวกาศจะช่วยสร้างความตื่นเต้นให้แก่อนาคตของทุกคน

อย่างไรก็ตาม มัสก์ไม่ใช่คนแรกที่มีแนวคิดในการย้ายมนุษย์ไปอาศัยบนดาวดวงอื่น “สตีเฟน ฮอว์กิง” นักฟิสิกส์ชื่อก้องโลก เคยกล่าวไว้ในปี 2560 หากมนุษย์ยังหวังที่จะอยู่รอด จะต้องย้ายออกจากโลกภายใน 100 ปี 

ขณะที่ "มาร์ติน รีส" นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะต้องย้ายมนุษย์ออกจากโลกนี้ แต่ไม่เห็นด้วยกับการย้ายไปดาวอังคาร เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่เป็นมิตรของดาวอังคาร และมองว่าแนวคิดการอาศัยอยู่บนดาวอังคารเป็นเรื่องเหลวไหลไม่แพ้การอาศัยอยู่ใต้มหาสมุทร หรือบนยอดเขาเอเวอเรสต์

เจาะลึกโครงการ \"ย้ายมนุษย์ไปดาวอังคาร\" ของ \"อีลอน มัสก์\"

--เครดิตรูป: เว็บไซต์ SpaceX--

จากหนังสือชีวประวัติของอีลอน มัสก์ เขียนโดย แอชลีย์ แวนซ์ ที่ออกมาในปี 2558 เล่าว่าในช่วงวัยรุ่นของมัสก์ ได้รับอิทธิพลมาจากวรรณกรรมเรื่อง “คู่มือท่องกาแลกซีฉบับนักโบก” (The Hitchhiker's Guide to the Galaxy) ของ "ดักลาส อดัมส์" ทำให้เขามีความคิดที่จะไปตั้งรกรากบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ และยังเชื่อว่า หน้าที่ของเขาคือการพาคนทั้งโลกย้ายไปสู่จักรวาล

ในปี 2544 มัสก์เข้าร่วมการประชุมกับ Mars Society กลุ่มไม่แสวงหาผลกำไร และได้รู้ว่าทางกลุ่มมีแผนที่จะส่งหนูไปอวกาศเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่คนอื่น ๆ แต่เขาเสนอให้ส่งหนูเหล่านั้นไปยังดาวอังคารแทน นี่จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิด SpaceX ในที่สุด

  • จะสร้างเมืองบนดาวอังคารได้อย่างไร

สิ่งสำคัญที่สุดในแผนการนี้ก็คือ ยานอวกาศ “สตาร์ชิป” ที่นำชิ้นส่วนจรวดเก่ามาใช้ใหม่ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาในรัฐเทกซัส ซึ่งจะนำมาใช้การขนส่งสินค้าและมนุษย์ไปยังดาวอังคาร ในแต่ละครั้ง จะสามารถขนสินค้าได้มากกว่า 100 ตัน และประชากรอีกกว่า 100 คน โดยใช้ออกซิเจนและมีเทนเป็นเชื้อเพลิง ทำให้สามารถเติมเชื้อเพลิงบนดาวอังคารได้ ก่อนเดินทางกลับมายังโลก นอกจากนี้ยังจะมีการสร้างโครงข่ายสถานีเติมเชื้อเพลิงระหว่างทาง เพื่อให้สามารถเดินทางได้ไกลขึ้นอีกด้วย

เจาะลึกโครงการ \"ย้ายมนุษย์ไปดาวอังคาร\" ของ \"อีลอน มัสก์\"

ภาพร่างยาน Starship

--เครดิตรูป: เว็บไซต์ SpaceX--

 

  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดาวอังคาร

เมื่อปี 2559 มัสก์เปิดเผยว่าราคาสำหรับตั๋วไปกลับดาวอังคารจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 500,000 ดอลลาร์ และราคาจะลดลงในภายหลัง โดยเป้าหมายของมัสก์คือการตั้งราคาตั๋วให้เท่ากับราคาเฉลี่ยของบ้านในสหรัฐ เพื่อจูงใจให้คนหันมาซื้อตั๋วไปดาวอังคารเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แทนการซื้อบ้าน

นอกจากการซื้อตั๋วแล้ว ยังมีการทำสินเชื่อส่วนบุคคล ในลักษณะที่ผู้ที่ต้องการย้ายไปดาวอังคารจ่ายเงินกู้ด้วยการทำงานเพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานบนดาวอังคาร ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐ สมัยศตวรรษที่ 19 ที่เรียกว่า เมืองบริษัท (Company Town) ที่พนักงานจะอาศัยอยู่ในเมืองที่บริษัทเป็นเจ้าของ โดยพนักงานได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง แต่ค่าจ้างนั้นจะกลับคืนไปสู่นายจ้างในรูปของการจับจ่ายใช้สอยให้แก่ร้านค้าและสถานให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท 

ในปี 2562 มัสก์ ประเมินว่าจะต้องใช้สินค้าประมาณ 1 ล้านตัน เพื่อทำให้เมืองใหม่นี้สามารถพึ่งพาตนเองได้บนดาวอังคาร โดยประมาณการว่าค่าส่งสินค้า 1 ตัน ไปยังดาวอังคารด้วยจรวด จะมีราคาประมาณ 100,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาสินค้าบนดาวอังคารอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนสินค้าแบรนด์เนมจะมีราคาสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์

"กึนเทอร์ แลง" (Guenter Lang) ศาตราจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัย Kühne Logistics ในเยอรมนี ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับโครงการนี้ว่า “ถ้าหากคุณรวยขนาดที่มีเงินไปดาวอังคาร ทำไมคุณจะต้องสละความหรูหราที่มีอยู่บนโลก เพื่อไปเริ่มต้นใหม่กับสถานที่ที่ไม่มีอะไรเลย

เจาะลึกโครงการ \"ย้ายมนุษย์ไปดาวอังคาร\" ของ \"อีลอน มัสก์\" --เครดิตรูป: เว็บไซต์ SpaceX--

 

  • จะเริ่มสร้างเมืองใหม่บนดาวอังคารเมื่อไหร่

ในปี 2560 SpaceX ได้เปิดแผนการที่จะส่งยานบรรทุกสินค้า 2 ลำ ไปยังดาวอังคารในปีนี้ จากนั้นจะส่งยานอวกาศ 4 ลำ แบ่งเป็น ยานบรรทุกสินค้า และ ยานบรรทุกผู้โดยสาร อย่างละ 2 ลำ ในช่วงที่โลกและดาวอังคารโคจรเข้าใกล้กันที่สุดในปี 2567

โลกและดาวอังคารจะโคจรเข้าใกล้กันที่สุดในทุก 26 เดือน ในช่วงดังกล่าวจะทำให้ระยะทางระหว่าง 2 ดวงดาวลงลดเหลือประมาณ 34 ล้านไมล์ หรือ ประมาณ 54 ล้านกิโลเมตร

ในเดือนมี.ค. 2562 มัสก์ได้ทวีตบนทวิตเตอร์ส่วนตัวเกี่ยวกับการสร้างเมืองบนดาวอังคารว่า เมืองบนดาวอังคารจะเสร็จสมบูรณ์ จนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในปี 2593 หากเริ่มสร้างภายในเวลา 5 ปี และใช้การขนส่งในช่วงที่โลกและดาวอังคารใกล้กันที่สุด 10 รอบ นั่นหมายความว่าจะใช้ระยะเวลาการสร้างเมืองประมาณ 22 ปี มัสก์ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2593 จะต้องมีประชากรอาศัยอยู่บนดาวอังคาร 1 ล้านคน โดยมัสก์จะมีอายุครบ 79 ปี ในปีนั้น

แต่ทว่าจนถึงขณะนี้ สตาร์ชิปก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนการทดลองและพัฒนาอยู่ ซึ่งอาจจะไม่ทันกำหนดปล่อยออกสู่วงโคจรในปีนี้

อุณหภูมิพื้นผิวปกติของดาวอังคารโดยเฉลี่ยอยู่ที่ -63 องศาเซลเซียส แนวคิดของอีลอน คือการทำให้ขั้วของดาวอังคารร้อนขึ้น เพื่อปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกแช่แข็งไว้ จนกลายเป็นการระเบิดนิวเคลียร์ฟิวชันที่ออกมาในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำหน้าที่เป็นดวงอาทิตย์เทียม ส่งผลให้สร้างชั้นบรรยากาศที่เป็นมิตรต่อมนุษย์ ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตบนดาวอังคารได้ง่ายขึ้น เพียงแค่สวมเครื่องช่วยหายใจ ไม่ต้องสวมชุดนักบินอวกาศ

แต่นั่นเป็นเพียงแค่ทฤษฎี เพราะในทางปฏิบัติจริงอาจจะทำไม่ได้ "บรูซ จาโคสกี" และ "คริสโตเฟอร์ เอส เอ็ดเวิร์ดส" ได้ตีพิมพ์บทความลงวารสาร Nature Astronomy ในปี 2561 ระบุว่า ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์บนดาวอังคารมีไม่เพียงพอที่จะทำให้ชั้นบรรยากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนมนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้ โดยการระเหยของหินตะกอนคาร์บอนบนดาวอังคารจะปล่อยก๊าซเพียงพอสำหรับความดันบรรยากาศประมาณ 12 มิลลิบาร์เท่านั้น ขณะที่ความดันในชั้นบรรยากาศของโลกที่ระดับน้ำทะเลมีประมาณ 1,000 มิลลิบาร์

ทั้งคู่ได้มีการปรึกษากับมัสก์แล้ว ทั้ง 3 คนเห็นตรงกันว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่แฝงตัวอยู่ใต้พื้นผิวดาวอังคารอีก แต่เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้

 

ถึงแม้กำหนดระยะเวลาใกล้เข้ามาทุกที แต่ดูเหมือนยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทุกฝ่ายยังคงเร่งทำงานอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องที่ท้าทายในศักยภาพของมนุษย์ว่าจะสามารถทำตามสิ่งที่ฝัน แล้วพลิกฟื้นดาวสีแดงให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้จริงหรือไม่

 

ที่มา: Inverse