“ถ้ำพุงช้าง” อุโมงค์น้ำใต้ภูเขากับเรื่องเล่าใต้โถงถ้ำ
ใครไปใครมาเมืองพังงา สิ่งหนึ่งที่เห็นจนเป็นแลนด์มาร์คว่าถึงเมืองพังงาแล้วก็คือความสูงทะมึนของภูเขาหินปูนที่โดดเด่นตระหง่านท่ามกลางเมืองน่ารักอย่างพังงา รู้จักกันในนาม “เขาช้าง” เพราะดูผ่านๆคล้ายกับช้างที่หมอบอยู่
ความสำคัญของ เขาช้าง ถึงขนาดว่าเมือง พังงา ถือเอามาเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองไปโดยปริยาย ขนาดว่าเสาไฟฟ้าส่องสว่าง ยังมีรูปช้างหมอบเป็นสัญลักษณ์ตามแบบสมัยนิยม เพียงแต่เสาไฟช้างที่นี่ ไม่ถี่ยิบเหมือนกับหลายๆ ที่ที่เป็นข่าวแค่นั้นเอง
เมือง “พังงา” นั้นเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การโอบล้อมของภูเขาหินปูนก็ว่าได้ ซึ่งเดี๋ยววันหลังผมจะมาเขียนถึงอีกที แต่วันนี้อยากมาเขียนถึง “เขาช้าง” ที่ว่า ว่าภายใต้ภูเขาหินปูนที่สูงใหญ่นี้ มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เป็นอุโมงค์ถ้ำที่สูงใหญ่ ซอกซอน ชอนไช เข้าไปใต้ภูเขานี้ ราวกับว่ากำลังเข้าไปในพุงของช้างที่หมอบอยู่ และนี่คือความสนุกสนานกับการได้ไปเที่ยวท่องกันในท้องช้าง ภายใต้ชื่อ ถ้ำพุงช้าง
โดยส่วนตัว ผมมา “ถ้ำพุงช้าง” หลายครั้งแล้ว พอได้มาอีกก็ไม่เคยเบื่อ เพราะที่นี่นั้นไม่เหมือนการได้ไปเที่ยวถ้ำทั่วๆ ไป เพราะที่นี่มีทั้งความสวยงาม ความสนุกสนาน และเรื่องราวสารพัดสารพัน ในระหว่างที่เดินเที่ยวชม และไม่มีความน่าหวาดกลัวเลย อีกทั้งยังชุ่มเย็น จากสายน้ำและอากาศที่ถ่ายเท การเข้าไปเที่ยวที่นี่จึงเย็นสบาย หายใจโล่ง โปร่ง ไม่อับ ไม่เหม็น
การเที่ยว “ถ้ำพุงช้าง” นั้นไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะจะต้องลงเรือไปก่อน ระยะทางราว 200 เมตร ช่วงนี้จะเป็นช่วงน้ำลึก อุโมงค์ใต้ภูเขายังกว้างอยู่ เพดานอุโมงค์สูง เริ่มเห็นหินงอกหินย้อยบ้างแล้ว ตามเพดานถ้ำมีค้างคาวเกาะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หนาแน่นอะไรมาก
พอเข้ามาระยะหนึ่ง จะต้องเปลี่ยนมาเป็นนั่งแพไม้ไผ่ เพราะอุโมงค์จะแคบกว้างราว 1 เมตร ส่วนน้ำลึกหรือไม่ ไม่ได้ชะโงกไปดู แต่เข้าใจว่าไม่ลึกมาก นั่งแพไปได้ราว 100 เมตร ก็สิ้นสุด แล้วต่อจากนี้จะเป็นการเดินเที่ยว
การเดินเที่ยว "ถ้ำพุงช้าง" นั้น เป็นการเดินเข้าไปตามอุโมงค์หินปูน ที่เพดานสูงมาก อุโมงค์ก็กว้างพอประมาณ เดินได้สบายๆ บนพื้นจะมีน้ำไหลออกไปทางปากถ้ำ บางช่วงน้ำก็ลึกราวหน้าแข้ง แต่บางจุดก็แห้งจนเป็นเนินทรายเล็กๆ แต่โดยเฉลี่ย จะอยู่ราวตาตุ่ม การเดินไปตามอุโมงค์ จึงชุ่มเย็น สดชื่นตลอดเส้นทาง
และตามสไตล์ของถ้ำในภูเขาหินปูน คือจะมีหินงอก หินย้อยให้ดูตลอดสองข้างทางที่เดินไป แต่หินงอกหินย้อยเหล่านี้ ยังเป็นอยู่คือยังมีการก่อเกิดอยู่ตลอดเวลา ในนี้จึงไม่เห็นหินงอกหินย้อยสีดำๆ คล้ำๆ อันบ่งบอกถึงการไม่ก่อเกิดอีกต่อไป หรือเป็นถ้ำที่ตายแล้วนั่นเอง บางแห่งเป็นสีขาว ใสสะอาด บางแห่งเป็นสีแดงด้วยธาตุเหล็กที่มาเคลือบ ในช่วงฤดูฝน น้ำในถ้ำอาจจะมากกว่านี้หน่อย และมีน้ำตกภายในถ้ำด้วย
น้ำนี้มาจากไหน?
ในส่วนที่น้ำตกลงมาจากหลังคาถ้ำ น้ำนี้มาจากน้ำที่ฝนตกลงบน “เขาช้าง” แล้วไหลซอกซอนลงมาจากรอยแตกของภูเขาหินปูนลงมา ละลายเอาแคลเซียมในหินปูนออกมาก่อรูปร่างเป็นหินงอก หินย้อย น้ำบนดินอีกส่วนหนึ่ง ก่อเกิดรวมตัวกันเป็นลำธารแล้วไหลลงมาจนถึงภูเขาช้าง แล้วเล็ดลอดหาช่องแตก ไหลเข้าในภูเขา ค่อยๆ กัด ค่อยๆ เซาะจนเป็นอุโมงค์ แล้วไหลออกสู่ปากถ้ำ แล้วซึมไหลลงดินเป็นน้ำใต้ดิน แล้วจะไปผุดไปโผล่ที่ไหนนั้นก็เหลือจะคาดเดาได้
ตลอดระยะทางที่เดินเที่ยว ไกด์นำทางจะชี้ชวน และจินตนาการให้ดูสิ่งที่น่าสนใจในถ้ำหลายอย่าง ลวดลายของแร่ควอตท์ในเนื้อหินปูนที่ดูคล้ายคนนั่งตกปลา มีถังใส่ปลาด้วย หรือซากของฟอสซิลที่ฝังตัวในเนื้อหิน ซึ่งบ่งชี้ว่าหินปูนที่เกิดเป็น “เขาช้าง” นี้เคยอยู่ในทะเลมาก่อน ก่อนที่จะถูกแผ่นดินยกตัวจนกลายมาเป็นภูเขา เลยพาเอาเศษซากฟอสซิลเหล่านี้ขึ้นมาอยู่ในถ้ำเหนือทะเลเช่นที่ปรากฏนี้ด้วย
การเที่ยว “ถ้ำพุงช้าง” จะใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บอกเลยว่า สนุก เพลิดเพลิน บรรยากาศไม่เหมือนการเที่ยวถ้ำทั่วไป ที่สำคัญค่าบริการค่อนข้างถูก คนละ 200 บาทเท่านั้น (คนไทย)
ตอนช่วงก่อนโควิดมา นักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก แต่ในช่วงนี้จะเงียบเหงาหน่อยจึงถือเป็นเวลาทองที่จะได้ไปเที่ยว “ถ้ำพุงช้าง” ในช่วงที่คนไม่มาก เที่ยวได้สบายๆ ติดต่อไปได้ที่ 08 5784 4839
“พังงา” เมืองเล็กๆ แต่มีอะไรในเมืองในได้ดูตลอด แค่ “ถ้ำพุงช้าง” นี่ก็เพลินจนไม่อยากออกมาแล้ว ได้ไปพังงาไปที่นี่สักหน่อย อยู่ใกล้วงเวียนเขาปู กลางเมืองพังงานี่เอง