เจ้าชายแฮร์รี เจ้าชายวิลเลียม สองพี่น้องทักทายกันหรือไม่ในงานพระราชพิธีฯ

เจ้าชายแฮร์รีทรงชำเลืองมองพระเชษฐา ‘เจ้าชายวิลเลียม’ จากเก้าอี้แถวที่ 3 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 สมเด็จพระราชบิดาของทั้งสองพระองค์ สองพี่น้องมีปฏิสัมพันธ์กันหรือไม่ หลังเจ้าชายแฮร์รีแฉความรุนแรงของพี่ชายในหนังสือ Spare
แม้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ระดับสูงของอังกฤษ แต่ แฮร์รี ยังทรงมีพระยศเป็นเจ้าชาย และทั้ง แฮร์รี-เมแกน ยังคงมีบรรดาศักดิ์ ‘ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์’
ในการถ่ายทอดสด พระราชพิธีบรมราชาภิเษก กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกส์ และ เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ไม่ปรากฏว่าทรงมีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ได้ทักทายกัน ไม่ทรงพบหน้ากัน ไม่แม้แต่จะหันหน้ามาสบตากันโดยบังเอิญ สองพี่น้องมีปฏิสัมพันธ์หรือไม่
หรือทั้งสองพระองค์อาจทักทายกัน สบตากัน โดยกล้องโทรทัศน์ไม่ทันจับภาพไว้ได้
เจ้าชายแฮร์รี ในวัย 38 ชันษา มาถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ด้วยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมกับลูกพี่ลูกน้อง คือ เจ้าหญิงยูจีนี และเจ้าหญิงเบียทริซ (สองพระธิดาในเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก) และนายแจ็ค บรูคส์แบงก์ กับนาย เอโดอาร์โด มาเปลลี มอซซี พระสวามีของเจ้าหญิงทั้ง 2 พระองค์ (ตามลำดับ)
เป็นกลุ่มบุคคลในราชวงศ์กลุ่มสุดท้ายซึ่งมาถึงและเดินเข้ามหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ รวมทั้งได้รับการกำหนดให้นั่งเก้าอี้แถวที่สามภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
ขณะที่ เจ้าชายแฮร์รี มิได้ทรงมีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการในพระราชพิธีเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ของ คิงชาร์ลส์ที่ 3 พระราชบิดาของพระองค์ แต่ เจ้าชายวิลเลียม ในวัย 40 พระชันษา ทรงมีหน้าที่แสดงความเคารพต่อกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 หลังพระองค์ทรงสวม มงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด
ในวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.2566 เจ้าชายแห่งเวลส์เสด็จมาถึงพร้อม เจ้าหญิงเคท พระชายา ทั้งสองพระองค์ทรงสวมเสื้อคลุมและผ้าคลุมอย่างเป็นทางการของทหารรักษาพระองค์แห่งเวลส์ ตามคำร้องขอของกษัตริย์และพระราชินีอังกฤษ ตามรายงานของบีบีซี
ขณะที่เจ้าชายแฮร์รีสวมชุดสูท 3 ชิ้นของแบรนด์ดิออร์ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Royal Victorian Order (RVO) บ่งบอกว่าพระองค์คือผู้บัญชาการอัศวิน เป็นการยกย่องการรับใช้ส่วนตัวที่โดดเด่นของเขาต่อพระมหากษัตริย์แห่งเครือจักรภพ
ที่อกเสื้อด้านซ้ายประดับเหรียญประจำการอัฟกานิสถาน เนื่องจากทรงเคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษในการร่วมรบ ณ สมรภูมิอัฟกานิสถาน ระหว่างปี 2550-2551 และ ปี 2555-2556
เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงพระดำเนินเข้ามหาวิหารเวสต์มินสเตอร์พร้อมกับเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระธิดาวัย 8 ชันษา และเจ้าชายหลุยส์ พระโอรสวัย 5 ชันษา และทรงนั่งพระเก้าอี้แถวแรก
ขณะที่เจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์โต พระชนมายุ 9 ชันษา ทรงเป็นหนึ่งในผู้ทำหน้าที่เฉลิมพระเกียรติถือชายเสื้อคลุมกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ระหว่างขบวนเสด็จไปตามทางเดินในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
วินาทีเจ้าชายแฮร์รีทรงชำเลืองมองเจ้าชายวิลเลียมจากเก้าอี้แถวที่ 3
ตลอดงานพระราชพิธีฯ ที่ได้รับการบันทึกเป็นคลิปในเว็บไซต์ทางการราชวงศ์สหราชอาณาจักร ไม่เห็นว่าเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รีทรงมีปฏิสัมพันธ์กัน มีฉากที่เดินมาพบกัน หรือแม้แต่จะทรงทักทายกัน
มีเพียงแว่บเดียวที่เห็นว่าเจ้าชายแฮร์รีชำเลืองมองพี่ชายที่อยู่ในเก้าอี้แถวหน้าสุด
ในตอนท้ายของการถ่ายทอดสดพระราชพิธีฯ ไม่เห็นเจ้าชายแฮร์รี่ทรงอยู่ในขบวนรถกลับพระราชวังบักกิงแฮมร่วมกับราชวงศ์อาวุโสองค์อื่น ๆ และไม่ปรากฏตัวบนระเบียงของพระราชวัง
สำนักข่าวซีบีเอสรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีไม่ประสงค์เข้าร่วมรับประทานอาหารหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกฯ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างเวลา 11.00-13.00 น. เพราะต้องการกลับอเมริกาให้เร็วที่สุดเพื่อไปฉลองวันเกิด ‘อาร์ชี’ ลูกชายวัย 4 ขวบซึ่งเกิดวันที่ 6 พ.ค. เช่นกัน
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีเสด็จกลับไปยังพระราชวังบักกิงแฮม แต่ทรงใช้เวลาอยู่ที่นั่นน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงโดยมิได้พบหรือทักทายกับสมาชิกพระราชวงศ์ เขาเพียงต้องการหลบกล้องถ่ายรูปของสำนักข่าวหลังนั่งอยู่ในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ถึง 2 ชั่วโมง
ระหว่างงานพระราชพิธีฯ
บางสื่อรายงานว่าเจ้าชายแฮร์รีดูทรงอึดอัดและทรงรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่จากการถ่ายทอดสด กล้องโทรทัศน์จับภาพพระองค์พูดคุยกับพระญาติ มีรอยยิ้มเป็นระยะ ทรงร้องเพลงในแต่ละช่วงเวลาของพระราชพิธี และทรงคำนับให้กับ คิงชาร์ลส์ที่ 3 ขณะที่พระองค์ทรงพระดำเนินผ่านหน้าเจ้าชายแฮร์รีออกจากมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
ที่พระราชวังบักกิงแฮม ขณะที่สมาชิกราชวงศ์ คิงชาร์ลส์ที่ 3 และราชินีคามิลลา เสด็จออกสีหบัญชร รับคำสดุดีจากกองทัพและประชาชน เจ้าชายแฮร์รีรีบเดินทางตรงไปยังสนามบินฮีทโธรว์ ไม่แม้แต่จะอยู่ถ่ายภาพราชวงศ์ยุคใหม่
มีผู้พบเห็นดยุกแห่งซัสเซกส์ที่ฮีทโธรว์ ก่อนขึ้นเครื่องบินไปยัง LAX (สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส) เวลา 15.45 น.
แฮร์รีไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายของเขาอีกเลยหลังจากแฉถึงความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของพวกเขาในหนังสือบันทึกความทรงจำ Spare (ชีวิตตัวสำรอง) ซึ่งวางแผงเมื่อเดือนมกราคม 2566
“อายุมากกว่าฉันสองปี วิลลีเป็นรัชทายาท ส่วนฉันเป็น Spare (ตัวสำรอง) นี่ไม่ใช่แค่วิธีที่สื่อมวลชนพูดถึงเราเท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม คำนี้เป็นรหัสที่ป๊ากับมัมมี่และปู่ใช้บ่อย และแม้แต่คุณย่า” แฮร์รีเขียนถึงที่มาของชื่อหนังสือ
คำว่า ‘ตัวสำรอง’ ของแฮร์รีนั้นสร้างบาดแผลในใจไว้สาหัสนัก เขาเผยความรู้สึกไว้ว่า ความสำคัญของตัวเขาเองผู้เกิดมาเป็นน้องชาย มีค่าแค่ใช้เป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจ, ตัวเปลี่ยนเกม และถ้าจำเป็นก็เป็นได้ถึง ‘อวัยวะสำรอง’ หากพี่ชายจำเป็นต้องเปลี่ยนไต ถ่ายเลือด ถ่ายไขกระดูก ทั้งหมดนี้คือเส้นทางการเกิดมามีชีวิตของเขาในราชวงศ์
เจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษและเจ้าชายแฮร์รี, พฤษภาคม 2017
แฮร์รียังแฉยับถึงการทะเลาะเบาะแว้งกับวิลเลียม หลังจากที่ฝ่ายหลังกล่าวหาเมแกนว่า 'ยาก' และ 'หยาบคาย' ในปี 2019
"ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วมาก" เป็นคำพูดของแฮร์รีในหนังสือ "เขาคว้าคอเสื้อฉัน กระชากสร้อยคอของฉัน และเขาก็กระแทกฉันลงไปกองที่พื้น ฉันล้มลงไปบนชามของสุนัขซึ่งแตกอยู่ใต้หลังของฉัน เศษชามบาดจนเป็นแผล ฉันนอนอยู่ที่นั่นครู่หนึ่งด้วยความมึนงง ลุกขึ้นยืนแล้วบอกให้เขาออกไป”
ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องสั่นคลอนมานานหลายปี และความตึงเครียดของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นหลังจากที่แฮร์รีและเมแกนประกาศออกจากราชวงศ์ในปี 2020
ยิ่งหลังจากหนังสือชื่อ Spare ถูกตีพิมพ์เมื่อต้นปีนี้ ก็น่าสงสัยอยู่ว่า รอยร้าวระหว่างเจ้าชายพี่น้องยังพอเหลือหนทางให้ประสานอยู่อีกหรือไม่
- credit photo: AFP และ คลิปงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3