รักษ์โลกอย่างลักซ์ชัวรี่ ‘The Mirage’ จากขวดน้ำสู่โปรเจค ‘SANSIRI x Fah Chak’
เมื่อ “GC Upcycling Upstyling” ปีนี้ดึงพันธมิตร GEN S คอลแลบพาร์ตเนอร์ระดับบิ๊กกับดีไซน์เนอร์มือดี หนึ่งในผลลัพธ์คือโปรเจค “SANSIRI x Fah Chak” สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ริมสระสุดหรูแต่รักษ์โลกไม่แพ้ใคร
โครงการ GC Upcycling Upstyling ปีที่ 4 เกิดขึ้นจากแนวคิดเรื่องความยั่งยืนของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จนเกิดเป็นโครงการดึงพาร์ตเนอร์จาก 8 ธุรกิจ และดีไซน์เนอร์ 12 แบรนด์ดังของไทย ร่วมกับ GC YOUเทิร์น ระดมความคิดเพิ่มมูลค่าพลาสติกใช้แล้วให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในธีม Design for Sustainable Living
หนึ่งใน 15 ผลงานดีไซน์ คือ The Mirage จากการร่วมมือกันของ SANSIRI x Fah Chak จนได้ผลิตภัณฑ์ เก้าอี้นอน, หมอน และร่มริมสระน้ำ สไตล์ Geogian ที่จะถูกใช้งานจริง ณ โครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง
ฟ้า จักษุเวช ดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์ Fah Chak เปิดเผยว่านี่เป็นการดีไซน์เฟอร์เจอร์เป็นครั้งแรกของแบรนด์ รวมถึงทางแสนสิริเองก็ยังไม่เคยมีการคอลแลบดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ด้วยเช่นกัน การชิมลางในโปรเจคนี้จึงน่าตื่นเต้นมากสำหรับเธอ
ซึ่งกว่าจะได้ผลงาน "The Mirage" ทั้งแสนสิริและ Fah Chak ตั้งใจใส่ความเป็นตัวเองทั้งสองแบรนด์เข้าไป
“คอนเซปต์หลักคือเราอยากใช้วัตถุดิบที่เป็นรีไซเคิลให้เยอะที่สุด ก็คือผ้าที่ทำมาจากขวดพลาสติก ในแง่ของความคิดตรงนี้เราดีไซน์มาให้เข้ากับเศรษฐสิริ ดอนเมือง ซึ่งคอนเซปต์ของโครงการคือบ้านสไตล์ Geogian มีทั้งความหรูหรา สมมาตร คลาสสิก พอมาดูแล้วแม้จะสมมาตรก็จริง แต่จะมีความโค้ง ความสวย เราจึงดึงรูปทรงของสระว่ายน้ำในเศรษฐสิริ ดอนเมือง มาพลิกให้เป็น 3D เราเลยตั้งชื่อว่า The Mirage เพราะมีการสะท้อนขึ้นมา แล้วเราก็ใช้เส้นโค้ง ใส่ความคลาสสิกเข้าไป เช่น การมีพู่ หรือบาะที่ไม่จำเป็นต้องตายตัวว่าสี่เหลี่ยมตลอด คือเราต้องการที่จะแยกออกมาให้เห็นแล้วต้องเดินเข้ามาดูเพราะยังไม่เคยมีเก้าอี้นอนริมสระหน้าตาแบบนี้ รวมถึงร่มด้วยที่คนเห็นแล้วต้องเดินเข้ามาดู และอยากมาลองนั่ง
ที่เราชอบมากคือเราอยากให้มันใช้ได้นาน ก็ได้มีการเคลือบกันเชื้อรา เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่นานที่สุด เราอยากดันความยั่งยืนให้ได้นานที่สุด แต่ทุกอย่างก็มีอายุการใช้งานของมัน พอถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน เราอยากต่อยอดการลดขยะต่อไป เพราะมันคือคอนเซปต์ของทั้งโปรเจคเลย พอถึงเวลาต้องเปลี่ยนเป็นเซ็ตใหม่ เราจะมาผ้าที่เหลือตรงนี้มาตัดทอนแล้วทำเป็นกระเป๋า Hamper แล้วแจกลูกบ้าน เป็นการนำไปใช้ต่อได้ และลดขยะลง”
ในแง่ความสวยงาม "The Mirage" เป็นผลิตภัณฑ์ริมสระที่แฟชั่นมาก ส่วนฟังก์ชัน ดีไซน์เนอร์บอกว่าไม่มีขาดตกบกพร่อง เก้าอี้นอนก็ใช้งานนั่งและเอนนอนได้อย่างสบายตัว หมอนก็ดีไซน์ให้เป็นทรงกลมเหมาะกับนำมาวางใต้เข่า ส่วนร่มก็ออกแบบให้กันแดดกันฝนได้ยอดเยี่ยม และทนทานมากด้วยวัสดุคุณภาพดี มีทั้งความหรูหราและฟังก์ชันครบ ลูกบ้านมาใช้พื้นที่ส่วนกลางแล้วก็ยังรู้สึกว่าเป็นของใช้ในบ้านจริงๆ
“แต่เราก็มีความท้าทายมากๆ คือระยะเวลาการผลิต เพราะเราต้องใช้เวลาเพื่อทดลอง ต่อยอดให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีที่สุดในเวลาที่กำหนด ซึ่งเราสร้างผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาจากศูนย์
พอเราได้โจทย์มาก็ไปดูโครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง ถึงสามรอบเพื่อให้มั่นใจ ดูตั้งแต่บ้านตัวอย่างที่เขาตกแต่งภายในว่าไลฟ์สไตล์ลูกค้าจะเป็นแนวนี้นะ เราคุยกันว่าลูกค้าที่จะมาอยู่จะเป็นแนวไหน ระดับไหน แล้วเราต้องการให้ส่วนกลางมีคนมาใช้มากน้อยแค่ไหน เราดูถึงการตกแต่งภายใน สีของผลิตภัณฑ์เราตั้งใจทำเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม คือสีจะตรงกับบานประตูซึ่งเป็นสัญลักษณ์หลักของโครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง”
"The Mirage" ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของแบรนด์ Fah Chak เพราะหนึ่งคือความท้าทายในฐานะแบรนด์เสื้อผ้าที่ไม่เคยออกแบบเฟอร์นิเจอร์มาก่อน ฟ้ากล่าวว่านี่เป็นความสดใหม่ เป็นความตื่นเต้น ที่เธอชอบทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาอยู่แล้ว การทำงานที่มีฟังก์ชันเปลี่ยนไปทำให้กระบวนความคิดเปลี่ยนแปลง เป็นการทำงานที่เหนื่อยแต่สนุก
อีกด้านหนึ่งที่ทำให้ฟ้าประทับใจในโปรเจคนี้ คือการดีไซน์ที่อยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืนและการอนุรักษ์ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอหลงใหลอยู่เป็นทุนเดิม
“เรื่อง Sustainable ฟ้าสนใจมาตั้งแต่สมัยเรียนโทที่อังกฤษ คือเราเข้าใจมาตลอดว่าวงจรธุรกิจของเราโดยธรรมชาติมันสร้างขยะเยอะมาก เพราะฉะนั้นแบรนด์ของฟ้าเวลาทำงานเราจะพยายาม หนึ่ง ลดขยะ สอง ขยะที่เกิดขึ้นต้องมีเคมีน้อยที่สุด เช่น อะไรที่เป็นงานปรินท์ อย่างป้าย หรือการ์ดที่ส่งให้ลูกค้า เราต้องทำแต่เราใช้กระดาษจากแหล่งที่มีความรับผิดชอบ มีเคมีน้อยที่สุด การปรินท์เราใช้หมึกจากน้ำมันรำข้าว เพราะฉะนั้นเวลาทิ้งลงดินสารเคมีจะน้อยกว่า ส่วนในแง่การทำแพทเทิร์น ฟ้าจะใช้ผ้าที่เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัส แล้วตัดให้พอดีกับหน้าผ้า หรือตัดให้เหลือขยะน้อยที่สุด เราทำ Zero Waste ไม่ได้ แต่เราทำให้ได้มากที่สุด”
ในมุมของพาร์ตเนอร์สำคัญเจ้าของโครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง อย่างแสนสิริ โปรเจค The Mirage คืออีกขั้นของการคิดเพื่อโลก หลังจากเคยทำกระเป๋ารักษ์โลกมาแล้วในปีก่อน
ชลีรัตน์ ต่อจรัส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า “ปีนี้เราคิดการใหญ่โดยการทำเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเก้าอี้นอนริมสระรวมถึงร่ม ในอนาคตเรามองว่าคงจะดีถ้าวันหนึ่งโครงการทั้งหมดของแสนสิริใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากการรีไซเคลหรือการอัปไซคลิงได้ เช่นใช้กับผ้าม่านได้ ใช้กับผ้าที่มาทำโซฟาได้ และเอามาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้
ที่ผ่านมาเราเน้นเรื่อง Sustainable มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทางแสนสิริจะมีหลายๆ แกน อย่างแกนแรกเป็นเรื่องกรีน คือมี SANSIRI Backyard ที่อยู่ตามโครงการ เรารณรงค์ให้ลูกบ้านปลูกผักผลไม้กินเอง ส่วนอีกแกนหนึ่งคือ CSR ที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่สักประมาณสองปีที่ผ่านมาเรามาโฟกัสเรื่อง Net Zero ตามเทรนด์โลก เพื่อให้ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบให้โลกนี้ใสสะอาดมากขึ้น โดยเรามีเป้าหมายให้ใช้คาร์บอนเหลือศูนย์เลยในปี 2050 เริ่มจากการสร้างตึก การสร้างของเราที่พยายามหาวัสดุที่ทำลายโลกน้อยที่สุด รวมถึงมุมของไลฟ์สไตล์เรามีแคมเปญสอนให้ลูกบ้านแยกขยะ เราทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องนี้พวกนี้ต้องใช้เวลา”
ถ้าหากย้อนไปก่อนหน้านี้ แสนสิริเคยมีโปรเจคที่ร่วมกับดีไซน์เนอร์ไทยมาอยู่เรื่อยๆ และกับการจับมือกับ Fah Chak ครั้งนี้เป็นเพราะแนวทางของแบรนด์และโครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง ที่มีความเป็นจอร์เจียนค่อนข้างเข้ากันดี บวกกับแนวคิดเรื่องความรักษ์โลกที่ตรงกัน
หลังจากความสำเร็จของ "The Mirage" ทำให้แสนสิริมองไปถึงอนาคตว่าจะโครงการอื่นๆ ของแสนสิริจะต่อยอดอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ทุกโครงการตอกย้ำเรื่องรีไซเคิลและอัปไซคลิงได้
“เราคาดหวังว่าต่อจากนี้ทุกปีๆ ทุกแบรนด์ที่เข้าร่วมทำทุกอย่างที่ดีขึ้นและยากขึ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากเรามองว่าผลิตภัณฑ์รีไซเคิลทุกวันนี้เหมือนจะมีขีดจำกัดในการทำประมาณหนึ่ง แต่ปีนี้เราพยายามจะก้าวข้าม เล่นใหญ่โดยการทำร่มทำอะไร เชื่อว่าปีต่อไปจะทำได้เยอะขึ้น อาจจะทำไปถึงโซฟา ผ้าม่าน หรือผลิตอะไรขึ้นมาของตัวเองได้นอกจากสินค้าที่ใช้ในรายวัน
แต่ทั้งนี้แสนสิริคงทำเองคนเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีพาร์ตเนอร์ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะการสร้างบ้านหลังหนึ่งเราต้องใช้ซีเมนต์ เราคาดหวังว่าวันหนึ่งกรีนซีเมนต์จะราคาดีขึ้น วันหนึ่งจะมีการก่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ทำให้ฝุ่นลดลง การใช้วัสดุต่างๆ ที่ทำให้บ้านเย็นขึ้น เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าทุกคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันต้องช่วยกันเพื่อจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่มากกว่าบริษัทใดบริษัทหนึ่ง นั่นคือโลกนี้ ที่ทำให้คนรุ่นต่อไปเขาไม่เดือดร้อนมากจากการกระทำของเรา”