‘Polène’ กระเป๋า It Bag จากฝรั่งเศส เตรียมเปิดสาขาแรกในเอเชีย
สำหรับสาวๆ สายแฟชั่น คงเคยเห็นกระเป๋าถือสุดเก๋จากฝรั่งเศส “Polène” ผ่านตากันมาบ้างทั้งในซีรีส์ชื่อดัง หรือเห็นคนดังถือกระเป๋านี้ออกสื่อ และล่าสุดมีการเตรียมเปิดสาขาแรกในเอเชียที่ประเทศญี่ปุ่น
Key Points:
- “Polène” กระเป๋าแบรนด์น้องใหม่มาแรงจากฝรั่งเศส ขึ้นแท่นกระเป๋า “It Bag” แห่งยุค ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ราคาจับต้องได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- “It Bag” หมายถึง กระเป๋าที่ควรค่าในการครอบครอง ประกอบด้วยหลายปัจจัย เช่น แบรนด์ ดีไซน์ ราคา และประวัติความเป็นมา และบางครั้งพวกมันก็โด่งดังด้วยความบังเอิญมากกว่าความตั้งใจของดีไซเนอร์
- ปัจจุบัน Polène มีหน้าร้านที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์อยู่แค่สองแห่ง คือ ปารีสและนิวยอร์ก แต่ล่าสุดกำลังจะมาเปิด Flagship Store แห่งที่สามในกรุงโตเกียว เพื่อขยายฐานลูกค้าและให้แฟนคลับชาวเอเชียเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
หากเอ่ยถึงแบรนด์กระเป๋าถือสัญชาติฝรั่งเศส แน่นอนว่าหลายคนคงนึกถึง “Celine” หรือ “Bottega Veneta” อันโด่งดังและมีเรื่องราวความเป็นมายาวนาน แต่ไม่นานมานี้ “Polène” แบรนด์น้องใหม่ที่ก่อตั้งมาได้เพียง 7 ปี กำลังมาแรงแซงโค้ง ขึ้นแท่น “It Bag” ที่สาวๆ หลายคนให้ความสนใจสุดๆ แม้แต่ “Kate Middleton” ก็ถือออกงานมาแล้ว
Kate Middleton และกระเป๋า Polène รุ่น Number Seven Mini Bag (Vogue)
ไม่ใช่แค่เหล่าคนดังที่เริ่มหันมาให้ความสนใจ “Polène” เท่านั้น แต่กระเป๋าแบรนด์นี้ก็เคยปรากฏใน “Emily in Paris” ซีรีส์แฟชั่นชื่อดังที่หลายคนพากันแต่งตัวตามรอยตัวเอกของเรื่องกันทั้งเมือง
นอกจากนั้น “Polène” ยังได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์นำมารีวิวกันด้วยความตื่นเต้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะดีไซน์สวยเก๋ ไม่ล้าสมัย ราคาไม่แพงจนเกินไปหากเทียบกับคุณภาพ
ล่าสุดทางแบรนด์ก็กำลังเตรียมตัวเปิด flagship store ในเอเชียเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มความสะดวกให้ผู้บริโภคที่อยู่ในโซนเอเชียเข้าถึงการซื้อได้ง่ายขึ้น
- “It Bag” มีอิทธิพลอย่างไรในแวดวงแฟชั่น ?
ก่อนจะไปทำความรู้จักกับ Polène ต้องอธิบายก่อนว่า “It Bag” คืออะไร เพราะอะไรจึงมีความสำคัญต่อวงการแฟชั่น
“It Bag” เป็นชื่อเรียกของกระเป๋าถือที่ควรค่าแก่การครอบครอง ทั้งเรื่องของแบรนด์ ดีไซน์ ราคา ประวัติความเป็นมา รวมถึงคุณค่าในภาพรวม โดย It Bag นั้นถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการพัฒนาและสร้างแบรนด์ให้ได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้นแต่ละแบรนด์จึงต้องมีกลยุทธ์เพื่อสร้างกระเป๋าถือของตัวเองให้มีความโดดเด่นจนกลายเป็น “Must have item” ที่เราเรียกกันว่า “ของมันต้องมี”
สำหรับ “It Bag” จากหลายๆ แบรนด์นั้นเริ่มมีการออกแบบขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1950 แต่สามารถสร้างชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมจริงๆ ในช่วงปี 1990 เมื่อแบรนด์แฟชั่นบางแบรนด์เริ่มถูกกลุ่มบริษัทแบรนด์หรูซื้อไป และทุ่มเงินจำนวนมากให้กับฝ่ายสร้างสรรค์ กระเป๋าถือจึงกลายเป็นตัวเลือกในการทำกำไรมหาศาลที่เหล่าดีไซเนอร์เลือกใช้ โดยเฉพาะการเพิ่มสัญลักษณ์เฉพาะตัวลงไปในกระเป๋าแต่ละรุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากระเป๋าทุกรุ่นจะสามารถเป็น It Bag ได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ากระเป๋าที่เรียกว่า It Bag นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแคมเปญโฆษณา ?
กระเป๋าที่จะก้าวขึ้นมาเป็น It Bag นั้น Libby Page ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Net-a-Porter อธิบายว่า การนิยามกระเป๋า It Bag นั้นก็เหมือนกับการค้นหาความรัก มันจะเป็นสิ่งที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละมุมมองและความเหมาะสมกับแต่ละคน แม้แต่ดีไซเนอร์เองก็ไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่ากระเป๋าที่พวกเขาออกแบบจะสามารถไปได้ถึงจุดนั้นหรือไม่ จนกว่าจะออกไปสู่สายตาของลูกค้า
“แนวคิดหลัก คือ มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้จดจำได้ทันที อาจเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่ชัดเจน เช่น โลโก้ ตัวล็อก หรือรูปร่างและขนาดของมัน” Libby Page กล่าวถึงการที่กระเป๋าแต่ละรุ่นจะสามารถกลายเป็น It Bag ได้
บรรดา “It Bag” ที่โดดเด่นและได้รับการพูดถึงอยู่เสมอ ได้แก่ City ของ Balenciaga, Saddle ของ Dior หรือ Baguette ของ Fendi ซึ่งอาจจะไม่ได้รับความนิยมในทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณค่าของพวกมันก็เพิ่มขึ้น จนทำให้กลายเป็นที่ต้องการของผู้ที่ชื่นชอบกระเป๋าหรือเครื่องประดับ อาจเรียกได้ว่ากระเป๋าเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณแฟชั่น
นอกจากนี้กระเป๋าบางรุ่นก็ตั้งชื่อตามคนดังที่เป็นแรงบันดาลใจ เช่น Princess Diana, Jane Birkin และ Grace Kelly หรือเป็นแฟชั่นไอคอนแห่งยุคที่ทำให้กระเป๋าเหล่านั้นได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น Sarah Jessica Parker และ Fendi Baguette ที่หลายคนอาจเคยเห็นจากซีรีส์ดัง “Sex and the City” ที่แฟชั่นของสาวๆ ในเรื่องนั้นไม่มีใครยอมใคร
Princess Diana และกระเป๋า Lady Dior (Harpersbazaar)
Sarah Jessica Parker และกระเป๋า Dior Saddle จากซีรีส์ Sex and the City (Harpersbazaar)
อ่านข่าว :
‘Hermès Birkin’ แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญจาก ‘Jane Birkin’
อาจเรียกได้ว่าวัฒนธรรมและค่านิยมก็เป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดให้กระเป๋าบางรุ่นเปลี่ยนจากกระเป๋าธรรมดากลายเป็น “It Bag” ที่สร้างความนิยมไปทั่วโลก และไม่ใช่แค่แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่านั้นที่จะสร้างสรรค์กระเป๋าเหล่านั้นออกมา แต่แบรนด์น้องใหม่อย่าง “Polène” ก็เป็น “It Bag” ได้ปังไม่แพ้แบรนด์รุ่นพี่
- แม้อายุไม่ถึง 10 ปี แต่ “Polène” ก็ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้
“Polène” ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสที่เรียกได้ว่าน่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะเหล่าแฟชั่นนิสต้าต่างก็ยกให้กระเป๋าแบรนด์นี้เป็น Must have item แม้ว่าแบรนด์จะเพิ่งก่อตั้งอย่างเป็นทางการได้เพียง 7 ปีเท่านั้น
ลักษณะเด่นของ Polène คือมีความสร้างสรรค์แบบเรียบง่าย ผลิตจากหนังลูกวัว และทำด้วยมือทุกชิ้นโดยช่างฝีมือชาวยุโรป มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ใบละ 470 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17,000 บาท ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างจับต้องได้เมื่อเทียบกับคุณภาพ
จุดเริ่มต้นของ “Polène” เกิดขึ้นในปี 2014 จากสามพี่น้อง “Mothay” (Mathieu, Antoine และ Elsa) ระหว่างพวกเขาไปเยี่ยมชมเวิร์กชอปของ Hermès ที่สเปน และตัดสินใจร่วมกันว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาควรมีแบรนด์เป็นของตัวเอง
จากแรงบันดาลใจในครั้งนั้นพวกเขาได้ทำการวิจัยรายละเอียดของการสร้างแบรนด์และเรื่องราวของแฟชั่นอยู่ประมาณหนึ่งปีครึ่ง โดยใช้เวลาส่วนมากอยู่ในยุโรปตะวันออก โปรตุเกส และสเปน เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งในขณะนั้นพวกเขาถือว่ายังมีอายุน้อย (พี่คนโตอายุยังไม่ถึง 40 ปี) ทำให้ “Polène” เป็นแบรนด์หน้าใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยคนรุ่นใหม่
หลังจากมีการคิดค้นต้นแบบของกระเป๋าถึง 25 แบบ พี่น้อง Mothay ก็สร้างกระเป๋าใบแรกของตัวเองขึ้นมาได้สำเร็จในชื่อ “Numéro Un” ที่แปลว่า Number One ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในกระเป๋ารุ่นขายดีที่สุดของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน ด้วยความโดดเด่นของรูปทรงและสัดส่วนโค้งเว้าที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้กลายเป็นความนุ่มนวลที่โดดเด่น แต่มีความละเอียดอ่อน
กระเป๋า Polène รุ่น Numéro Un (Polène)
อีกส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้กระเป๋าน้องใหม่แบรนด์นี้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วก็คือ การปรากฏตัวใน “Emily in Paris” ซึ่งเป็นซีรีส์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องแฟชั่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตัวเอก Emily ที่เปลี่ยนเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และกระเป๋าทุกตอน ทำให้มีแบรนด์แฟชั่นมากมายมีโอกาสแจ้งเกิดจากเรื่องนี้ เพราะในช่วงนั้นกระแสของซีรีส์ดังกล่าวค่อนข้างมาแรง แม้แต่ในประเทศไทยก็มีคนดังหลายคนนำสไตล์ของ Emily มาปรับแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์
Lily Collins และกระเป๋า Polène รุ่น Yké จากซีรีส์ Emily in Paris (beauty4free2u)
Lily Collins (ซ้าย) และกระเป๋า Polène รุ่น Mmint green bucket
จากซีรีส์ Emily in Paris (Harpersbazaar)
ไม่ใช่แค่ในซีรีส์เท่านั้น แม้แต่ “Kate Middleton” ดัสเชสผู้ได้รับการยอมรับว่ามีสไตล์การแต่งตัวที่โดดเด่นก็เลือกใช้กระเป๋า “Polène” ในการออกงานเช่นกัน ทำให้ It Bag แบรนด์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
- แฟชั่นก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้
นอกจากความโดดเด่นของดีไซน์แล้ว “Polène” ยังเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยชื่อของแบรนด์ตั้งตามชื่อบ้านในชนบทของพวกเขา และพวกเขายังต้องการให้ผลิตภัณฑ์มีความติดดินและเป็นธรรมชาติ ทำให้กระเป๋าแต่ละใบมีโทนสีใกล้เคียงกับสีธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาลเมล็ดกาแฟ หรือ สีครีมของเห็ด
สำหรับวัสดุที่แบรนด์เลือกมาผลิตกระเป๋านั้น เป็นหนังที่มาจากโรงฟอกหนังในสเปนและอิตาลีโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการรับรองในระดับนานาชาติโดย Leather Working Group โดยผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่ากระเป๋าที่ซื้อไปนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านมลภาวะทางเคมี ไปจนถึงสุขภาพของแรงงานที่เป็นช่างฝีมือในระหว่างกระบวนการผลิต
ในส่วนของคอลเลกชันที่เป็นพวงกุญแจสำหรับห้อยกระเป๋า ทางแบรนด์ก็เลือกใช้วัสดุเหลือใช้หรือของรีไซเคิลมาสร้างสรรค์เป็นสินค้าอีกด้วย
- “ญี่ปุ่น” หมุดหมายใหม่ของ Polène
ด้วยกระแสความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นและราคาที่เอื้อมถึง ส่งผลให้ Polène เตรียมเปิดหน้าร้านแห่งที่สามของแบรนด์ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในเอเชียบริเวณ “โอโมเตะซันโด” หรือถนนสายชอปปิง ณ ย่านฮาราจูกุ ในกรุงโตเกียว
ภายในร้านเน้นการตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทนเรียบง่าย โดยร่วมงานกับช่างฝีมือเครื่องเขินญี่ปุ่นประสบการณ์สูง “Makino Urushi Design” ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้แล็กเกอร์เพิ่มความสวยงามให้กับงานไม้ และเคยร่วมงานกับวัดหรือศาลเจ้าในญี่ปุ่นมาแล้วหลายที่ มีจุดเด่นคือการคงเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้ในงานศิลปะร่วมสมัย
โดยภายในร้านจะเป็นการออกแบบภาพรวมให้มีความเป็นญี่ปุ่นแต่ยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายของฝรั่งเศส
ปัจจุบัน Polène มีหน้าร้านอยู่เพียงแค่สองแห่งเท่านั้น คือ แห่งแรกในกรุงปารีส เมื่อปี 2020 และแห่งที่สองในกรุงนิวยอร์กในปี 2022 ทำให้การมาเปิดตัวที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ถูกจับตามองในวงการแฟชั่นเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทวีปเอเชียเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของหลายแบรนด์หรูเนื่องจากเป็นฐานลูกค้าใหญ่
Polène’s New York City (Harpersbazaar)
ไม่ใช่แค่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้นที่ให้ความสนใจในการเปิดหน้าร้านของ Polène แต่บรรดาแฟชั่นนิสต้าชาวเอเชียหลายคนก็มองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์นี้ได้อย่างสะดวกมากขึ้น และเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายกว่าการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าจุดมุ่งหมายต่อไปที่แบรนด์จะไปเปิดหน้าร้านคือไต้หวัน
ความสำเร็จของ “Polène” ทั้งในฐานะแบรนด์น้องใหม่ และการสร้างความโดดเด่นจนกลายเป็นหนึ่งใน “It Bag” ของยุคสมัยนี้ อาจเป็นหนึ่งในเครื่องการันตีได้ว่า แบรนด์ที่ดีและได้รับความนิยมนั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือเก๋าเสมอไป เพราะดีไซน์และคุณภาพที่ดีถือเป็นสิ่งที่ทำให้สินค้ากลายเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคได้ไม่ยาก
อ้างอิงข้อมูล : Harpersbazaar, Polène, SCMP และ Makino Urushi Design