10 สนีกเกอร์สุดปัง จากโลกภาพยนตร์ บางรุ่นราคาปัจจุบันพุ่งหลักล้านบาท
“ภาพยนตร์” ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “สนีกเกอร์” หลายแบรนด์กลายเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Nike, Adidas, Vans, Converse, Onitsuka Tiger หรือ Reebok และบางรุ่นก็กลายเป็นของหายากที่มีราคาแพงไปถึงหลักล้าน
ในโลกของ “ภาพยนตร์” นอกจากนักแสดง ผู้กำกับ การเขียนบท ไปจนถึงเทคนิคพิเศษอื่นๆ ที่เป็นจุดสนใจของใครหลายคนแล้ว “เครื่องแต่งกาย” ก็เป็นส่วนสำคัญและได้รับความสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในมุมของอุตสาหกรรมแฟชั่น เพราะถ้าเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องประดับชิ้นไหน ได้ไปปรากฏในภาพยนตร์และยิ่งถูกสวมใส่โดยนักแสดงชื่อดังแล้ว แน่นอนว่าอาจจะกลายเป็นสินค้าที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าได้ไม่ยาก เพราะไม่ใช่แค่เหล่าแฟชั่นนิสต้าเท่านั้นที่ให้ความสนใจ แต่ยังจะได้รับความนิยมจากกลุ่มแฟนคลับอีกด้วย
ครั้งนี้กรุงเทพธุรกิจจะรวบรวม “สนีกเกอร์” 10 รุ่น ที่อยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังตั้งแต่อดีต และยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันทำให้สินค้าบางรุ่นกลายเป็นของหายากและมีราคาพุ่งสูงถึงหลักล้านบาท
Vans Slip-On จากภาพยนตร์ Fast Times at Ridgemont High (1982)
เริ่มจากสนีกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในแวดวงผู้ชื่นชอบกีฬาสเกตบอร์ด ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 70 และต้นยุค 80 อย่าง “Vans” แต่รองเท้าแบรนด์นี้โด่งดังสุดขีดจากภาพยนตร์วัยรุ่นอเมริกันแห่งยุค 80 “Fast Times at Ridgemont High” ของผู้กำกับ เอมี เฮคเกอร์ลิง (Amy Heckerling) ที่มี ฌอน เพนน์ (Sean Penn) มาแสดงในบทนักโต้คลื่น ก่อนที่เขาจะกลายเป็นนักแสดงชื่อดังแห่งวงการฮอลลีวูดในปัจจุบัน
โดยในภาพยนตร์มีฉากที่ ฌอน สวมรองเท้า Vans Slip-On ลายตารางหมากรุกสีขาวดำ ทำให้วัยรุ่นยุคนั้นต่างใส่ตามกันทั่วบ้านทั่วเมือง และ 40 ปีต่อมา รองเท้ารุ่นนี้ก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเท่ที่เรียบง่ายของชาวแคลิฟอร์เนีย ที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มแฟชั่นชั้นสูงไปจนถึงพบเห็นได้ตามท้องถนน
Vans Slip-On (metaflix)
Alien Stompers จากภาพยนตร์ Aliens (1986)
ภาพยนตร์สัตว์ประหลาดจากต่างดาวในตำนานตลอดกาล “Aliens” ของผู้กำกับชื่อดัง เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ก็มีสนีกเกอร์ที่ได้รับการพูดถึงเช่นกัน โดยมีความน่าสนใจอยู่ที่ในตอนแรกแบรนด์ “Reebok” ตั้งใจที่จะทำรองเท้า Alien Stompers เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายนักแสดงอย่างเดียวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อวางขาย
แต่ว่าเมื่อรองเท้าดังกล่าวได้ปรากฏอยู่บนจอเงิน กลับทำให้แฟนๆ ของภาพยนตร์รวมถึงผู้ชื่นชอบสนีกเกอร์ต่างเรียกร้องให้ทางแบรนด์ทำออกมาวางจำหน่าย จนทำให้ในปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่ภาพยนตร์ดังกล่าวมีอายุครบ 30 ปี Reebok จึงตัดสินใจผลิตสนีกเกอร์ออกมาวางขายตามคำเรียกร้อง ภายในช่วงเวลา 4 ปี Alien Stompers ถูกผลิตออกมาด้วยกันหลากหลายสีสัน แต่ท้ายที่สุดแล้วแบรนด์ก็ยุติการผลิตไป แต่แฟนๆ บางคนก็ยังเชื่อว่าในปี 2026 ซึ่งครบรอบ 40 ปี ของ Aliens สนีกเกอร์รุ่นนี้อาจถูกนำกลับมาผลิตอีกครั้ง
Reebok Alien Stompers (dezeen)
Air Force 2 จากภาพยนตร์ Big (1988)
ทุกวันนี้ใครๆ ต่างก็พูดถึงรองเท้ารุ่นฮิตของ Nike อย่าง Air Force 1 แต่แท้จริงแล้วรองเท้ารุ่นดังกล่าวถูกพัฒนาให้กลายเป็น Air Force 2 ในเวลาต่อมา และกลายเป็นสนีกเกอร์สุดโดดเด่นที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง “Big” ที่ถูกสวมใส่โดยนักแสดงชื่อดัง ทอม แฮงส์ (Tom Hanks)
Air Force 2 ด้านขวามือ (GQ)
Nike Mag จากภาพยนตร์ Back to the Future Part II (1989)
เมื่อพูดถึงสนีกเกอร์ที่เป็นตำนานในโลกภาพยนตร์นั้น จะขาด “Back to the Future Part II” ไปไม่ได้ เพราะเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงการข้ามเวลาไปสู่โลกอนาคตเป็นเรื่องแรกๆ ทำให้ในภาพยนตร์เราจะได้เห็นเทคโนโลยีและสิ่งของแปลกๆ มากมาย (ที่ถือว่าใหม่สำหรับยุค 80) ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ สนีกเกอร์ที่ผูกเชือกเองได้อัตโนมัติ จนกลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนั้น สนีกเกอร์คู่นั้นก็คือ Nike Mag จากแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน “Nike” โดยรองเท้าดังกล่าวได้รับการออกแบบโดย ทิงเกอร์ แฮตฟิลด์ (Tinker Hatfield) นักออกแบบผู้อยู่เบื้องหลังสนีกเกอร์ไอคอนรุ่นอื่นๆ เช่น Air Max 1 และ Air Jordan 3
เช่นเดียวกับ Reebok ในตอนแรกแบรนด์ตั้งใจสร้างรองเท้าขึ้นมาเพื่อใช้ในภาพยนตร์โดยเฉพาะ แต่ในปี 2011 พวกเขาก็ตัดสินใจผลิตมันออกมาสู่โลกความเป็นจริง แม้ว่าจะไม่มีเทคโนโลยีการผูกเชือกแบบในภาพยนตร์ก็ตาม แต่หลังจากนั้น Nike Mag ถูกผลิตออกมาเป็นครั้งสุดท้ายในปี 2016 และกลายเป็นสนีกเกอร์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกในตอนนั้น โดยรองเท้าเวอร์ชันปี 2016 คู่สุดท้ายถูกขายไปในราคา 76,925 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,809,301 บาท ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง StockX
Nike Mag (yahoo entertainment)
Nike Cortez จากภาพยนตร์ Forrest Gump (1994)
วิ่ง ฟอเรสต์ วิ่ง ! ประโยคคลาสสิกจากอีกหนึ่งตำนานของโลกภาพยนตร์ “Forrest Gump” ที่นำเสนอประวัติศาสตร์อเมริกาผ่านตัวละคร ฟอเรสต์ แต่อีกหนึ่งฉากสุดยิ่งใหญ่ที่ทำให้หลายคนจดจำ ทอม แฮงก์ ได้เป็นอย่างดีกับฉากวิ่งมาราธอนอันยาวนาน ที่เขาสวมใส่รองเท้า Nike Cortez สีขาว Swoosh แดง (สี OG หรือสีต้นฉบับ) ซึ่งเขาได้รับจากเจนนี่คนรักเพียงคนเดียวตลอดชีวิตของเขา
จุดเด่นของรองเท้ารุ่นนี้คือเป็นโมเดลรองเท้าวิ่งรุ่นแรกที่มีลาย Swoosh และออกแบบโดยผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ บิล โบเวอร์แมน (Bill Bowerman) ในปี 1972 อีกหนึ่งความสำคัญของรองเท้าคู่นี้ก็คือ มันกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวอเมริกันเริ่มออกไปวิ่งกลางแจ้งกันมากขึ้นด้วย ปัจจุบัน Nike Cortez สีต้นฉบับแบบเดียวกับในภาพยนตร์กลายเป็นรองเท้าหายากรุ่นหนึ่ง ที่ใครมีในครอบครองก็ไม่อยากจะขายต่อแม้จะขายได้ในราคาสูงก็ตาม
Nike Cortez (spotern)
Converse Chuck Taylor จากภาพยนตร์ Basketball Diaries (1995)
ภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตจริงผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “Basketball Diaries” จิม แคร์โรลล์ (Jim Carroll) รับบทโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ (Leonardo DiCaprio) ในภาพยนตร์จะเล่าถึงช่วงชีวิตของเขาเมื่อสมัยยังเป็นวัยรุ่นที่เคยมีความฝันอยากเป็นนักบาสเกตบอลผู้ยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับปัญหาจากยาเสพติด
ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับวัยรุ่นแน่นอนว่านอกจากนักแสดงและเนื้อหาที่น่าติดตามแล้ว แฟชั่นจากภาพยนตร์ก็ได้รับความสนใจจากวัยรุ่นในช่วงนั้นไม่แพ้กัน โดยรองเท้า Converse Chuck Taylor สุดคลาสสิกที่ตัวละครวัยรุ่นสวมใส่ให้เห็นในหลายฉาก และยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นรองเท้าที่ขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของ “Converse”
Converse Chuck Taylor (chucksconnection)
Air Jordan 11 จากภาพยนตร์ Space Jam (1996)
ภาพยนตร์ชื่อดังที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างคนแสดงและแอนิเมชัน 2 มิติ อย่าง Looney Tunes และมีนักบาสเกตบอลชื่อดังในตำนาน ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) ร่วมแสดง ในเรื่อง “Space Jam” ที่แน่นอนว่าชื่อของจอร์แดนไม่ได้โด่งดังในแวดวงกีฬาเท่านั้น เพราะเขายังมีไลน์รองเท้าเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน โดยสนีกเกอร์ที่เขาใส่ในภาพยนตร์ก็คือ Air Jordan 11 Space Jam ซึ่งเป็นสีที่ทำออกมาเพื่อภาพยนตร์โดยเฉพาะด้วยสีดำและน้ำเงิน และยังโดดเด่นด้วยการเคลือบเงาที่รองเท้า
Air Jordan 11 Space Jam (StockX)
Adidas Samba Super จากภาพยนตร์ Trainspotting (1996)
“Trainspotting” ภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในสโมสรของเหล่าชายหนุ่มที่ทำงานในสภาและปัญหายาเสพติด นำแสดงโดย ยวน แม็กเกรเกอร์ (Ewan McGregor) ที่มาพร้อมการแต่งตัวสไตล์กรันจ์ยุค 90 กับเสื้อยืดขาดๆ กางเกงยีนขายาวและรองเท้า Adidas Samba Super ที่กลายเป็นสนีกเกอร์ขวัญใจวัยรุ่นมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมๆ กับ “Adidas” รุ่นอื่น เช่น Gazelle ที่ไอคอนสาว JENNIE BLACKPINK ก็เคยใส่
อ่านข่าว : ‘Adidas’ รุ่น Gazelle-Samba ขายหมดทั่วโลก หลัง ‘Jennie BLACKPINK’ ใส่ออกสื่อ
Adidas Samba Super (sabukaru)
Onitsuka Tiger Mexico 66 จากภาพยนตร์ Kill Bill: Volume 1 (2003)
ภาพยนตร์สุดระห่ำ “Kill Bill: Volume 1” ที่มีชื่อภาษาไทยว่านางฟ้าซามูไรนำแสดงโดย อูมา เธอร์แมน (Uma Thurman) กำกับโดย เควนติน ทารันติโน (Quentin Tarantino) จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ฉากต่อสู่สุดมันเท่านั้น แต่เครื่องแต่งกายของตัวเอกก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดย อูมา ส่วมชุดวอร์มสีเหลืองสดและรองเท้า Onitsuka Tiger Mexico 66 สีเหลืองเข้าชุดกัน ซึ่งเป็นรองเท้าที่ “Onitsuka Tiger” ออกแบบมาเพื่อใช้ในภาพยนตร์โดยเฉพาะด้วยการใส่คำว่า “FU*K U” ไว้ที่พื้นรองเท้า
Onitsuka Tiger Mexico 66 (spotern)
Adidas Rom Zissou จากภาพยนตร์ The Life Aquatic with Steve Zissou (2004)
ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่หลายคนมองว่าใส่ใจรายละเอียดในแต่ละฉากเป็นอย่างดีสำหรับ “The Life Aquatic with Steve Zissou” โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายของตัวละคร และแน่นอนว่าต้องมีรองเท้าที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับภาพยนตร์โดยเฉพาะ นั่นก็คือ Adidas Rom Zissou ที่ตั้งชื่อรุ่นตามชื่อของภาพยนตร์พิมพ์อยู่ข้างสัญลักษณ์สามแถบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Adidas และโดดเด่นด้วยการผสมผสานสีน้ำเงินกับสีเหลืองอย่างลงตัว
สำหรับ Adidas Rom Zissou เป็นรองเท้าจากโลกภาพยนตร์อีกรุ่นหนึ่งที่ไม่ได้ผลิตออกมาวางขายทั่วไปแม้ว่าบรรดาแฟนๆ จะเรียกร้องกันเป็นอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมันก็ผลิตออกมาขายในปี 2017 แต่ก็มีจำนวนจำกัดเพียง 100 คู่ทั่วโลกเท่านั้น ทำให้ราคารีเซลในอีเบย์อยู่ที่ 750 ดอลลาร์ หรือประมาณ 18,060 บาท
Adidas Rom Zissou (glamour)
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ “สนีกเกอร์” ที่ส่วนหนึ่งได้รับความนิยมมาจาก “ภาพยนตร์” ที่บางรุ่นก็ยังมีให้หาซื้อกันได้ตามปกติ แต่บางรุ่นก็กลายเป็นสินค้าหายากที่มีราคาสูง จนกลายเป็น “ของสะสม”
อ้างอิงข้อมูล : GQ