เปิดชีวิต "Jay-Z-Beyoncé" กว่าจะเป็นฮิปฮอปหมื่นล้าน ผู้คว้าแกรมมี 54 ตัว!

เปิดชีวิต "Jay-Z-Beyoncé" กว่าจะเป็นฮิปฮอปหมื่นล้าน ผู้คว้าแกรมมี 54 ตัว!

ไม่ใช่แค่สร้างประวัติศาสตร์เป็นศิลปินที่คว้ารางวัลแกรมมีมาครองได้มากที่สุด แต่ Beyoncé และสามี Jay-Z ยังเป็นคู่รักนักร้องที่ทรงอิทธิพลในธุรกิจวงการเพลงฮิปฮอป ที่หยิบจับอะไรหรือดันศิลปินหน้าใหม่คนไหนก็ปัง ดัง ระเบิด!

เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาและเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเวทีประกาศรางวัลแกรมมีครั้งที่ 65 เมื่อ บียอนเซ่ โนวส์ (Beyoncé Knowles) ศิลปินอาร์แอนด์บีชาวอเมริกัน สามารถคว้ารางวัลแกรมมีได้ถึง 4 รางวัล ทำให้บียอนเซ่กลายเป็นศิลปินที่มีรางวัลแกรมมีมากที่สุดในประวัตศาสตร์มากถึง 32 ตัว โค่นแชมป์เก่าอย่าง “เซอร์เกออร์ก โชลติ” วาทยกรคลาสสิกสัญชาติฮังกาเรียน-อังกฤษ ผู้ล่วงลับซึ่งเคยมีรางวัลในมือมากถึง 31 ตัว

แม้ว่าปีนี้บียอนเซ่จะไม่ได้รางวัลใหญ่ตามที่เหล่าแฟนคลับคาดหวังไว้ แต่ก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการเพลงอาร์แอนด์บีได้ แต่หากนำรางวัลของเธอไปรวมกับรางวัลแกรมมีของศิลปินฮิปฮอปนักธุรกิจชื่อดังสามีของเธออย่าง เจย์ซี (Jay-Z) อีก 22 ตัว เท่ากับว่าทั้งคู่เป็นคู่รักศิลปินที่มีรางวัลแกรมมีรวมกัน 54 ตัว เลยทีเดียว

สำหรับบียอนเซ่ มีชื่อจริงว่า บียอนเซ่ จิเซลล์ โนวส์ คาร์เตอร์ เป็นนักร้องเพลงสไตล์อาร์แอนด์บี ซึ่งเคยอยู่ในวงเกิร์ลกรุ๊ปแนวอาร์แอนด์บีอย่าง Destiny Child ในช่วงปี 1990 ก่อนจะผันตัวมาเป็นศิลปินเดี่ยว แล้วเริ่มมีงานแสดงไปจนถึงงานถ่ายแบบ แต่เธอยังคงยึดอาชีพนักร้องเป็นหลัก ทำให้ตลอดชีวิตที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง งานเพลงทั้งหมดของเธอมียอดขายมากกว่า 100 ชุด ในฐานะศิลปินเดี่ยว

  • Crazy in love (และ in game) ไปกับแม่บี ตัวมัม ตัวมารดา ในทุกยุค

เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “บียอนเซ่” เพลงที่คนเกือบทั้งโลกจะต้องนึกถึงเป็นเพลงแรกๆ คือ “Crazy in love” เพลงที่ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองถูกใจขาแดนซ์ทุกวัย และเป็นเพลงที่ทำให้เธอโด่งดังอย่างถล่มทลายตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ชื่อ Dangerously in Love ซึ่งเปิดตัวอัลบั้มบนชาร์ตบิลบอร์ด 200 ที่อันดับ 1 ด้วยยอดขายกว่า 317,000 ชุดในสัปดาห์แรก และยอดขายรวมถึงปัจจุบันอยู่ที่ 14 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ส่งให้เธอได้รับรางวัลแกรมมีถึง 5 สาขา

หลังจากนั้นเธอได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวอย่าง B'Day และ I Am... Sasha Fierce ซึ่งมีเพลงฮิตติดชาร์จมากมาย เช่น If I Were A Boy และ Single Ladies (Put a Ring on It) โดยอัลบั้มที่ 3 มีซิงเกิลติดอันดับ 1 อยู่ทั้งหมด 5 เพลงด้วยกัน ทำให้เธอเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่มีเพลงติดอันดับหนึ่งมากที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 2000

หลังจากนั้นในปี 2009 นิตยสารฟอร์บได้จัดอันดับให้เธอ

  • อยู่ในอันดับ 4 ของคนดังที่มีอิทธิพลมากที่สุด
  • อันดับ 3 ของนักดนตรีที่มีรายได้มากที่สุด
  • อันดับหนึ่งของคนดังอายุต่ำกว่า 30 ที่มีรายได้มากที่สุด ด้วยรายได้กว่า 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างปี 2008 - 2009 

นอกจากงานเพลงแล้วเธอยังประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงและนักธุรกิจ เรียกได้ว่าเป็นศิลปินคนสำคัญคนหนึ่งของอุตสาหกรรมบันเทิงสหรัฐเลยก็ว่าได้ เพราะในปี 2001 เธอเริ่มแสดงภาพยนตร์เพลงเรื่อง Carmen: A Hip Hopera ต่อมาในปี 2006 เธอได้รับบทนำในภาพยนตร์ Dream Girls และทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 2 รางวัล นอกจากนี้เธอยังมีธุรกิจด้านแฟชั่นที่ทำร่วมกับครอบครัว ในชื่อ "เฮาส์ออฟเดเรออน" และได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทชื่อดังระดับโลกอย่าง “เป๊ปซี่”

หลังจากนั้นไม่นานเธอได้แต่งงานกับศิลปินฮิปฮอปแถวหน้าของวงการอย่าง “เจย์ซี” หลังจากทั้งคู่ได้รู้จักกันในการร่วมงานกันครั้งแรกในเพลง Crazy in love ผู้ซึ่งเป็น “มหาเศรษฐีฮิปฮอปพันล้าน” คนแรกของโลก และปัจจุบันเขาก็ได้กลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านเรียบร้อยแล้ว

 

  • เพราะตัวผมคือ ธุรกิจ นิยามจาก “เจย์ซี” ผู้ทรงอิทธิพลวงการฮิปฮอป

สำหรับตัวตึงแห่งวงการฮิปฮอปจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เจย์ซี (Jay-Z) หรือ ชอว์น โครี คาร์เตอร์ เขาเกิดและเติบโตมาจากย่านคนจน เรียนไม่จบมัธยม เคยมีประวัติค้ายาเสพติด และถูกยิงถึง 3 ครั้ง แต่สิ่งที่ฉุดให้เขากลับมาได้ดีจนกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการฮิปฮอปได้ในปัจจุบัน ก็คือ เขามีใจรักในเสียงเพลง 

เจย์ซีเข้าสู่วงการฮิปฮอปในปี 1989 และหลังจากนั้นไม่นานเขาได้ตั้งค่ายเพลงของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Roc-A-Fella Records เพื่อทำเพลงกันเองกับเพื่อนๆ เจย์ซีมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งนั่นคือ เขาสามารถแต่งเนื้อเพลงได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปากกาและกระดาษเพื่อจดเนื้อร้องเพราะเขาจำมันได้ทุกคำพูด หลังเข้าวงการได้ไม่นาน เขาก็ออกอัลบั้มแรกในปี 1996 ชื่อ “Reasonable Doubt” ซึ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากและได้รับการยกย่องว่าเป็น “The Best Rapper Alive” หรือแร็ปเปอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากการจากไปของ 2 แรปเปอร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค “บิ๊กกี้ส์ และทูพัคส์” หลังจากนั้นเขามีอัลบั้มเดี่ยวทั้งหมด 14 อัลบั้ม และมีอัลบั้มที่ร่วมงานกับศิลปินอื่นอีก 6 อัลบั้ม มีเพลงดังอย่าง Can't knock da​ hustle, Lost​ one, Roc​ boy และ Izzo ที่โด่งดังจนวงนูเมทัลแห่งยุค “Linkin Park” นำไปรีมิกซ์

ไม่ใช่แค่ความเป็นศิลปินเท่านั้น แต่อีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่ทำให้เจย์ซีกลายเป็นไอคอนฮิปฮอปแห่งยุคนั่นก็เพราะความเป็น “นักธุรกิจ” หลังจากเขาทำค่าย Roc-A-Fella Records ไปได้สักพัก เขาก็เปลี่ยนให้เป็น ค่ายเพลง Roc Nation

ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไม่ใช่แค่ทำเพลงอย่างเดียวแต่ยังเป็นค่ายที่ครบเครื่องเรื่องบันเทิงทั้งเพลงและคอนเสิร์ต รวมถึงมีศิลปินในสังกัดที่โด่งดังมากมาย เช่น Rihanna, J. Cole, Jay Park และ Kanye​ West​

หลังจากนั้นเจย์ซีได้ขยายอิทธิพลในวงการบันเทิงไปยังบริการ “สตรีมมิงเพลง” ภายใต้ชื่อ Tidal ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยถือหุ้นร่วมกับบียอนเซ่ผู้เป็นภรรยาและเพื่อนๆ ในวงการฮิปฮอป 

นอกจากธุรกิจด้านบันเทิงแล้ว “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เจย์ซีนำมาทำให้ปัง ไม่ว่าจะเป็น เหล้า D’Ussé ที่มีมูลค่าโดยประมาณ 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และ แชมเปญ Armand de Brignac ที่มีมูลค่าโดยประมาณ 310 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

สำหรับการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์เจย์ซีเองก็ไม่น้อยหน้าใคร เพราะฉายา “มหาเศรษฐีฮิปฮอปพันล้าน” คนแรกของโลก(ซึ่งปัจจุบันคือหมื่นล้าน) ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่เป็นเพราะความพยายามและการลงทุนล้วนๆ ทำให้เขามีเงินสดและการลงทุนมากกว่า 200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ รวมถึงถือครองผลงานศิลปะราคาแพงมากมาย เช่น Mecca ของ Basquiat โดยรวมแล้วมีมูลค่าสูงถึง 70 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ East Hampton ที่เขาและภรรยา ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2017 มีพื้นที่ทั้งหมด 30,000 ตารางฟุต

“ผมไม่ใช่นักธุรกิจ แต่ตัวผมคือธุรกิจ”

คือ ท่อนหนึ่งของเพลงที่เขาเคยร้องเอาไว้ แต่เมื่อดูจากธุรกิจที่เขาทำแล้วก็อาจจะเป็นความจริง เพราะเขามักเลือกทำธุรกิจจากสิ่งที่ตัวเองชอบก่อนแล้วค่อยขยายฐานผู้บริโภคออกไป

โดยรวมแล้วทั้งเจย์ซีและบียอนเซ่ เป็นคู่รักแถวหน้าของวงการฮิปฮอปที่มีรายได้และทรัพย์สินต่างๆ รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นคู่รักศิลปินดังที่ปังทั้งความรักและการงานเลยทีเดียว

อ้างอิงข้อมูล : The Conversation, GQ, Life+Times, Roc Nation และ ลงทุนแมน