Daboyway (ดาบอยเวย์) ผู้เป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมฮิพฮอพไทย-ญี่ปุ่น
ในวันที่ไทเทเนียมกลายเป็นตำนานฮิพฮอพไทย กลายเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง DABOYWAY หรือ ‘เวย์ ไทเทเนียม’ ขอหันมารันวงการด้วยการผลักคนรุ่นใหม่ผ่านโปรเจกต์ bpm asia presents “Thai Japan Music Camp” ที่เชื่อมฮิพฮอพไทย-ญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน
“มันเป็น relationship ที่ผม ไทยเท ดาบอยเวย์ ได้สร้างมาเป็นยี่สิบปีแล้วกับนักร้องศิลปินฝั่งญี่ปุ่น เราอยากจะถ่ายทอด relationship ดี ๆ ที่เรามีระหว่างไทยฮิพฮอพกับญี่ปุ่นที่มีมาตลอดให้มันต่อยอดไปสู่คนรุ่นใหม่ แล้วทาง HOKT (ฮกโตะ) เองก็อยากจะร่วมงานกับประเทศไทย ก็เลยให้แต่ละฝ่ายหาศิลปินมาแล้วมาจัด writing camp ให้มาเจอกันแล้วเข้าห้องอัดกันเลย แล้วดูซิว่ามันจะเป็นยังไง เพราะว่าภาษาไทย ภาษาญี่ปุ่นมันต่างกันก็จริง แต่ดนตรีมันเป็นสากล พอ vibe พอ chemistry มันไปด้วยกันได้มันก็ออกมาเป็นเพลง”
DABOYWAY (ดาบอยเวย์) พูดถึงที่มาที่ไปของโปรเจคท์ bpm asia presents “Thai Japan Music Camp” Executive produced by: DABOYWAY and HOKT ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง DABOYWAY (ดาบอยเวย์) และค่ายเพลงชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง BPM PLUS ASIA เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางดนตรีกันผ่านดนตรีแนว Hip Hop ที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งมี 11 ศิลปินไทย และ 11 ศิลปินญี่ปุ่นเข้าร่วมดังนี้
BAKA (บาก้า) / DABOYWAY, Repezen Foxx/ Produced by Ricky Luna
Panang (พะแนง) / Candee, JV.JARVIS, POSS / Produced by BIGYASEN
Kawasaki (คาวาซากิ) / KOWICHI, Younggu / Produced by SIXKY
Monalisa / Cyprus, Lazy Loxy / Produced by Internet Money
Cawaii / Kidella, TWOPEE / Produced by BOSSA ON THE BEAT
Thaitanium / Kidella / ZOT on the WAVE / Produced by ZOT on the WAVE
JP THE WAY / OG BOBBY / Produced by BIGYASEN
Gochisosama / Kidella, PRADAA / Produced by G BANG
Rockstar / Young Dalu, Moon / Produced by G BANG
Magazine / Cyprus, DiamondMQT/ Produced by BOSSA ON THE BEAT
Take you to the moon / Young Dalu, Moon / Produced by G BANG
สำหรับบทบาทของเวย์ในโปรเจคต์นี้คือ Executive Producer ที่ควบคุมดูแลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นจัดหาศิลปินไทยมาเข้าค่ายทำเพลง จับคู่โปรดิวเซอร์กับศิลปินไทย ศิลปินญี่ปุ่นให้ทำเพลงด้วยกัน จัดหาสถานที่ จัดทำเอกสาร และเรื่องจิปาถะอีกมากมาย ส่วนในเรื่องของการทำเพลงนั้นปล่อยไปตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการวางคอนเซปต์อะไรไว้ทั้งสิ้น
“คอนเซปต์คือ connect ศิลปินไทยกับศิลปินญี่ปุ่นแล้วมาลองดูว่าเพลงจะออกมายังไง ซึ่งพอเข้าสตูดิโอมันก็พรูฟได้ว่า music มัน universal จริงๆ”
ความเหมือนที่ไม่น่าเชื่อระหว่าง ‘ไทย-ญี่ปุ่น’
เวย์เล่าให้เราฟังว่าพอจับนักร้องไทยนักร้องญี่ปุ่นมาเข้าค่ายทำเพลงด้วยกันแล้วเกิดเรื่องสนุก และเรื่องคาดไม่ถึงตามมาหลายอย่าง เช่น การได้รู้ว่าคำแสลงญี่ปุ่นบางคำออกเสียงเหมือนคำไทย เช่น คำว่า พะแนง (Panang) ในภาษาไทยแปลว่า แกงพะแนง ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า สุดยอด ยอดเยี่ยม
หรือคำว่า BAKA (บาก้า) ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ‘บ้า’ ในภาษาไทย รวมไปถึงเรื่องที่จังหวัด Kawasaki บ้านเกิดของ KOWICHI มีชื่อเหมือนกับจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่งด้วย
“ผมว่ามันเป็นทั้ง the same language, the same attitude ที่ไปในทางเดียวกัน พอศิลปินได้มาเจอกัน คุยกัน ได้มาเข้าแคมป์ด้วยกันมันเลยเกิดเรื่องคาดไม่ถึงตามมาในแบบที่ถ้าเราส่งเพลงให้กันผ่านอีเมลอย่างที่ผ่านมา ก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาแบบนี้ไหม การอยู่ตรงนั้นมันได้ฟีลเอเนอจี้ มองตากัน There’s no better way to make music than having the real energy.”
สำหรับระยะเวลาของการเข้าค่ายทำเพลงครั้งนี้ เวย์บอกว่ากินเวลาประมาณ 12 วัน โดยแบ่งออกเป็น 3 แคมป์ ระหว่างที่อยู่ในนั้นก็เขียนเพลง ฟังเพลงกันเป็นส่วนใหญ่ โดยตอนแรกกำหนดเอาไว้ว่าต้องทำเพลงออกมาให้ได้ 10 เพลง ไม่ได้กำหนดระยะเวลา แต่ปรากฏว่าเคมีที่ตรงกันระหว่างศิลปินไทย-ญี่ปุ่นทำให้ผลิตเพลงออกมาได้มากถึง 6 เพลงตั้งแต่ภายใน 3 วันแรก
เพลงเด่นในโปรเจคต์
เราขอให้เวย์หยิบยกบางเพลงในโปรเจคท์ bpm asia presents “Thai Japan Music Camp” Executive produced by: DABOYWAY and HOKT มาพูดถึงเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ซึ่งก็ได้คำตอบมาดังนี้
- พะแนง - บีทหนัก น่าจะทำให้ซัมเมอร์นี้มันตื่นเต้น
- Kawasaki – ของ KOWICHI กับ Younggu เป็นเมืองที่โควิชิเค้าเกิดแล้วมันเป็นชื่อมอเตอร์ไซค์ด้วย นั่นคือคอนเซปต์
- Monalisa - โปรดิวซ์โดย Internet Money โปรดิวเซอร์จากอเมริกา เป็นเพลงเดียวในโปรเจคต็์นี้ที่มาจากอเมริกาแล้วมาก่อนด้วย มี Cyprus มี Lazy loxy ที่มันป็อปแมส ลุคก็เข้าสไตล์ก็คล้าย ๆ กัน
- Kidella - มีเพลงกับ TWOPEE, ไทเทฯ, PRADAA เขาเป็นศิลปินญี่ปุ่นที่ร้องเพลงเสียงเพราะมาก เป็นผู้ชาย เพื่อนผมฮกโตะกำลังผลักดันอยู่ในค่ายของเขา
- JP THE WAVY น่าจะเป็นแรปเปอร์ที่ดังที่สุดในญี่ปุ่นอยู่ตอนนี้ เขามาทำเพลงกับ NINO กับ OG BOBBY
- Young Dalu, Moon เคมิสสตรีของเค้าสองคนมันดีมาก เป็นทีมเดียวที่ทำสองเพลงในเซสชันนี้ chemistry ไปไกลเลย มีทั้งเพลงแรปแล้วก็เพลงแทรป
ส่วนเพลงที่เวย์ชอบที่สุดคือ Magazine ด้วยเหตุผลที่ว่าเพลงมันชิล มันเพราะดี
BAKA ที่แปลว่า ‘บ้า’
ส่วนเพลงของตัวเองอย่าง BAKA (บาก้า) ที่เขาทำร่วมกับ Repezen Foxx นั้น เวย์เล่าว่าเป็นเพลงสุดท้ายที่ได้มาตอนอยู่แคมป์ 3 แล้ว และไม่ได้คิดว่าจะนำมารวมอยู่ในโปรเจคต์นี้ด้วยซ้ำ
โดยเรื่องมันมีอยู่ว่าเขาไปเจอ Repezen Foxx ในคลับแล้วเจ้าตัวก็เข้ามาหา บอกว่าชอบเพลง Cake Diet ที่เขาทำมาก
“ เผอิญว่า Repezen Foxx อยู่เมืองไทยพอดีแล้วเขาเจอผมในคลับ “โอ้มายกอด ดาบอยเวย์ ไอเลิฟ Cake Diet ไอเลิฟคนไทย” เค้าจะเอเนอจี้เยอะ แล้วพอดีว่าตอนไปแคมป์ 3 ผมเพิ่งได้ดนตรีมาใหม่จากโปรดิวเซอร์ที่ทำ Cake Diet เขาส่งบีทมาให้ใหม่ พอฟังแล้วบีทของ BAKA เป็นเพลงแรกที่เราเปิดขึ้นมาแล้วหูผึ่งเลย มันดีพอสำหรับ Repesen Foxx ก็เลยไปคุยกับเค้าแล้วตกลงทำกัน
แล้วเผอิญช่วงปลายปีผมเท้าหักก็เลยเซ็ง ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยนั่งทำเพลงนี้ในสตูดิโอจนเสร็จแล้วส่งไปให้ Represent Foxx ดู เค้าก็เลยเอามาเป็นเพลงเปิดโปรเจคต์”
สำหรับตอนนี้เพลงในโปรเจคต์ bpm asia presents “Thai Japan Music Camp” Executive produced by: DABOYWAY and HOKT ถูกปล่อยออกมา 4 เพลงแล้ว คือ BAKA, Panang, Kawasaki, Cawaii โดยทางญี่ปุ่นกำหนดเอาไว้ว่าจะปล่อยทุกสองสามอาทิตย์
สถานการณ์ฮิพฮอพไทยในปัจจุบัน
ในฐานะศิลปินที่อยู่มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกดนตรีแนวฮิพฮอพในไทยซึ่งก็คือเมื่อประมาณ 23-24 ปีที่แล้ว เวย์มีความเห็นต่อวงการฮิพฮอพไทย และวงการดนตรีบ้านเราในปัจจุบันอย่างไรบ้าง
“ถ้าพูดถึงคนที่อยู่มาตั้งแต่แรกมันโคตรภูมิใจเลยครับ ไม่เคยคิดว่ามันจะไปได้ไกลขนาดนี้ เราเพิ่งมี Rolling Round เทศกาลฮิพฮอพที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาจัดที่เมืองไทย ไลน์อัพก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ต่างประเทศ เรามีโอกาสเปิดเวทีให้กับศิลปินเพื่อนบ้านที่มีชื่อเสียงในตลาดของเขา รวมถึงน้อง ๆ ศิลปินไทยได้โชว์ของบนเวทีใหญ่ ๆ อย่างนั้น”
อุตสาหกรรมเพลงในปัจจุบันเปลี่ยนไปแค่ไหน แล้วส่งผลอย่างไรต่อศิลปินในปัจจุบัน
“จากช่วงที่ผมอยู่มาเมื่อ 20 ปีที่แล้วมันไม่มีโซเชียลมีเดียกลายมาเป็นมีโซเชียลมีเดีย กลายมาเป็นดิจิตัลแพลตฟอร์มที่ไม่มีฟิสิคัลมิวสิคแล้ว มันอาจจะทำดีไอวายได้ง่ายขึ้น แต่คนก็ทำกันเยอะ มีการแข่งขันสูงมาก แต่ละวันมีเพลงปล่อยออกมาเป็นพันเป็นหมื่นเพลงทั่วโลก”
การแข่งขันที่สูงมีแรงกดดันเรื่องการทำธุรกิจมากแค่ไหน
“ทุกอย่างมันเป็นธุรกิจหมด แต่ music business มันมีหลายช่องทางที่จะทำธุรกิจได้ อย่างไทเทเนียมเป็นแบรนด์ มันก็มีทั้งแบรนด์ดีล มีสตรีมมิง มียูทูป มีเรื่อง license แล้วผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะเป็น the most popular rapper เพราะมันเป็นยุคของเด็กรุ่นใหม่แล้ว
ผมทำมายี่สิบปี ก็ทำมาเรื่อย ๆ ตอนแรกไม่มีใครสอน เพราะว่าตอนที่มาเมืองไทยไม่ได้อยู่ค่ายใหญ่ ต้องทำทุกอย่างเอง มันก็เหมือนแบบว่านี่เป็นโหมดศิลปินที่จะออกไปเย้ ๆ แล้วก็จะมีโหมดศิลปินที่นั่งบ่มอยู่ในสตูแบบอย่ามายุ่งกับกูนะ กูกำลังติสแตกออยู่ แล้วก็มีโหมดที่เป็นบิสซิเนสเพราะไม่มีใครมาสอนเรา เราสอนตัวเอง ลองผิดลองถูก เห็นคนนู้นคนนี้ทำบ้าง ได้ยินข่าวสารมาบ้างแล้วก็นำมาปะติดปะกับวงการที่นี่
ผมพยายามจะผลักดันทีมรอบข้างว่าเราอยู่ใน music business นะเราจะต้องไปต่อยังไง เราไม่ได้รู้ทุกเรื่องในประเทศไทย เรายังใหม่ต่อธุรกิจดนตรี เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ ผมไปหาข้อมูล ลงเรียน music business 101 ทางออนไลน์ ผมคิดถึงช่องทางที่จะ make business out of my music อยู่ตลอดเวลา
ผมทำมิวสิควีดิโอเหมือนเป็นนามบัตรของตัวเอง เอาไว้ไปเปิดให้คนดูเวลาเค้าถามว่าคุณทำอะไรเหรอ ผมก็จะบอกว่า ผมทำแบบนี้ อ๋อ คุณทำดนตรี คุณทำโปรดักชั่น คุณออการ์ไนซ์อันนั้น มันมีอะไรเยอะแยะมากมายในธุรกิจดนตรี แล้วทุกอย่างมันก็เป็นมาร์เกตติงหมดเช่นกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องยอดวิวพันล้าน ร้อยล้าน เพราะว่ามันมีช่องทางอื่นอีกที่จะบอกว่าคุณประสบความสำเร็จ”
จุดมุ่งหมายของ ดาบอยเวย์ ณ วันนี้คืออะไร
“ทำเพลงต่อไปเรื่อย ๆ ผมยังมีแรง ยังมีแพชชั่นก็ทำต่อไปเรื่อย ๆ ผมเป็นคนหาอินสไปเรชั่นได้จากรอบข้าง จากสี แพนโทน การเดินทาง ผมยังฟังฮิพฮอพ ไม่ว่าจะต่างประเทศหรือไทย ฟังซาวด์ที่มันทันสมัยในปัจจุบัน อะไรที่เกิดขึ้นผมรู้หมด แล้วก็เข้าสตู ไม่มีอะไรทำมากไปกว่าเข้าห้องอัดแล้วครับ
ผมยังสนุกกับการทำเพลง ถ้าของตัวเองตันก็ไปช่วยน้อง ๆ ทำอย่างอื่น แล้ว always come back to music มันคือพลังของทุกอย่างที่ผมทำ without the music ก็จะไม่มีตรงนี้ เหนื่อยก็พัก คิดอะไรไม่ออกพัก กลับมาใหม่ แล้วเดี๋ยวมันก็เข้าที่
ดนตรีสำหรับผมมันคือการเยียวยา (It’s my therapy) ผมชอบครีเอท มันเป็นช่องทางที่จะปล่อยของออกสำหรับผม