เป้าหมายชีวิต ‘นนน - กรภัทร์’ อยากสำเร็จเร็ว เพราะอยากพักเร็ว
เปิดมุมมองแนวคิดของ “นนน - กรภัทร์ เกิดพันธุ์” กับการทำงานในวงการบันเทิง ในฐานะ “ศิลปิน” ขวัญใจคนรุ่นใหม่ พร้อมพูดคุยถึงซิงเกิลใหม่ “ความพยายามอยู่ที่ไหน (Please Try Again)”
หากพูดถึงศิลปิน นักแสดงรุ่นใหม่ที่มีฝีมือทางแสดงน่าจับตามอง จนได้รับรางวัลจากหลายเวทีทั้งในและต่างประเทศ จะต้องมีชื่อของ “นนน - กรภัทร์ เกิดพันธุ์” อย่างแน่นอน โดยนนน มีผลงานชิ้นแรกวงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 3 เดือน และเดินสายงานโฆษณามาตลอด จนกระทั่งได้เข้ามาอยู่ใต้ชายคา “GMMTV” กลายเป็นนักแสดงเต็มตัว
การเดินทางในวงการบันเทิงของนนนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดอยู่แค่การแสดง ล่าสุดเขาพึ่งปล่อยซิงเกิลล่าสุด “ความพยายามอยู่ที่ไหน (Please Try Again)” และจะปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชีวิตเร็ว ๆ นี้
“กรุงเทพธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษกับ นนน กรภัทร์ ถึงวิธีคิดและการทำงานในวงการบันเทิงทั้งในแง่การแสดง และผลงานเพลง รวมไปถึงแนวคิดเรื่องความพยายาม และความสำเร็จในมุมมองของนนน
- นนนมักจะได้รับบทที่ท้าทายการแสดงเสมอ มีวิธีการเข้าถึงตัวละครอย่างไร
ผมจะค่อย ๆ เปลี่ยนมายเซ็ต พฤติกรรม บุคลิกให้เป็นตัวละครให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เล่นออกมาแล้วจะเป็นตัวละครได้มากที่สุด ตามสัญชาตญาณของตัวละคร
สำหรับผมแล้ว บท “แปง” ใน “The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์” เล่นยากที่สุด เวลาที่เราจะกลายเป็นแปง เพราะแปงเป็นตัวละครใส่ใจสิ่งรอบข้าง สนใจปัญหารอบตัว แต่ในตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรเท่าแปง ไม่ชอบมีปัญหากับใคร ซึ่งต่างจากแปงที่อยากให้ตนเองและคนรอบข้างมีความสุขในสิ่งที่ต้องการ จนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งค่อนข้างต่างกับผม
ส่วน “โอ้” จาก “My Dear Loser รักไม่เอาถ่าน ตอน Edge of 17” คล้ายกับผมมากที่สุด เป็นตัวละครไม่ได้ซับซ้อน ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง
- มีบทบาทไหนที่อยากลองเล่นอีก
อยากลองเล่นเป็นฆาตกร ตัวร้ายของเรื่อง หรือไม่ก็บทที่ใช้สมองเยอะ ๆ อย่างนักสืบ ไม่ก็คนที่มีหลายบุคลิก เป็นบทท้าทาย ตอนเล่น “The Jungle เกมรัก นักล่า บาร์ลับ” เล่นเป็นฝาแฝด ซึ่งมันต้องสลับบุคลิกไปมา ก็เหมือนเป็นการลองเชิงก่อนว่าจะถ้าได้ไปเล่นหลาย ๆ บุคลิกจะเป็นยังไง มีวิธีไหนที่พอจะช่วยให้เล่นได้ง่ายขึ้น
- มาเริ่มทำงานเพลงได้อย่างไร
ผมทำงานเพลงขนานมาพร้อมกับทำการแสดงมาตลอด เวลาเล่นซีรีส์ ค่ายก็จะให้ร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วย เราก็ร้องเพลงมาเรื่อย แต่ภาพเป็นนักร้องอาจจะยังไม่ชัดเท่านักแสดง ที่จริงเราก็อยากทำอัลบั้มของตัวเอง คิดคอนเซ็ปท์แล้วเสนอค่ายเป็นแนวป๊อปร็อก ประจวบกับค่ายทำ RISER พอดี ผมก็ได้อยู่ในโปรเจคนี้ด้วย
- เวลาทำงาน นนนมีส่วนร่วมใส่ไอเดียในการทำเพลงหรือแสดงมากน้อยขนาดไหน
พอตอนนี้มาทำเป็นอัลบั้มเพลง ไอเดียเพลงส่วนใหญ่ก็มาจากตัวตนเราเลย เราอยากจะเล่าเรื่องอะไร อยากทำดนตรีทางไหน เราต้องเล่าเรื่องตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้าย เราต้องวางคอนเซ็ปท์ไว้ว่าเราจะเล่าอะไรยังไง ที่จริงผมอยากจะลองทำดนตรีเองด้วย ไว้ถ้าอีกหน่อยผมเล่นกีตาร์เก่งกว่านี้ก็อยากจะลองทำ
ส่วนการแสดง ผู้กำกับจะให้อิสระ ลองไปดีไซน์คาแร็กเตอร์มา ถ้าไม่โอเคก็จะปรับหน้ากอง เราจะไปทำการบ้านมา หาเรฟเฟอร์เรนซ์เทียบเคียงว่าอยากเป็นประมาณไหน
- การแสดงกับงานเพลง ในมุมมองนนนแตกต่างกันอย่างไร ถนัดอะไรมากกว่ากัน
ทั้งเพลงละการแสดงมันแตกต่างกันที่การเล่าเรื่อง แต่สำหรับผมไม่ว่าจะสวมหัวโขนเป็นนักแสดงหรือศิลปิน มันก็คือการถ่ายทอดงานศิลป์ทั้งหมด งานเพลงก็เป็นศิลปะ งานละครก็เป็นศิลปะ แค่มีวิธีถ่ายทอดต่างกัน ถ้าเล่าร่วมกับผู้กำกับก็เป็นการแสดง ส่วนงานเพลงเป็นเรื่องเล่าของเราเอง ซึ่งทั้งสองแบบต้องร่วมมือกับคนอื่น สร้างสรรค์งานออกมา
ผมถือว่าตัวเองเป็นศิลปิน เราผลิตงานศิลปะออกมาเรื่อย ๆ งานศิลปะยอมมีคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ถ้าคุณเห็นด้วยก็มาดูด้วยกัน
- เล่าถึงเพลงใหม่ให้ฟังหน่อย
“ความพยายามอยู่ที่ไหน (Please Try Again)” เพลงนี้มาตอนที่ผมนั่งเก็บของอยู่ในห้อง แล้วคำว่า “แหกทฤษฎี” ก็ผุดขึ้นมาในหัว แล้วก็ให้พี่เติร์ด Tilly Birds ขยายต่อ พี่เขาตีความออกมาเป็น “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่นั่น” ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่เราถูกสอนมาโดยตลอด มีคนเคยบอกว่าถ้าเราทำตามขั้นตอนแบบนี้ ยังไงคนที่เราชอบจะหันกลับมาชอบเรา แต่กลายเป็นทำแล้ว เขาไม่ได้สนใจเรา เขาทำลายความเชื่อ แหกทฤษฎีของเรา ดังนั้นบางทีต่อให้เราพยายามขนาดไหน อาจไม่ได้สำเร็จเสมอไป
ทำงานกับพี่เติร์ดสนุกมาก พี่เขาเป็นคนสนุกสนาน พลังเยอะมาก คุยกันสนุก เราสนใจอะไรใกล้ ๆ กัน คุยกันถูกคอ ผมกำกับเอ็มวีเองด้วย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ได้งานที่ตรงตามใจเราทุกอย่าง เหมือนกับภาพในหัวที่คิดไว้ เลยแฮปปี้กับมันมาก แต่ก็ต้องเก็บประสบการณ์การกำกับไปเรื่อย ๆ ถึงจะเก่งขึ้น แม่นขึ้น
- ในมุมมองของนนน ความพยายามคืออะไร
ความพยายาม คือ แรงขับเคลื่อน (Drive) ในการใช้ชีวิต เมื่อเราพยายาม เราต้องลงแรง พอเราหมดแรง ความพยายามก็หมดไปด้วย สำหรับผมความพยายามเลยเท่ากับแรงที่เราใช้ไป บางครั้งมันอาจไม่สำเร็จ แต่เราก็ต้องลงแรง ลองทำดูก่อน ทุกอย่างมันต้องใช้ความพยายามทั้งหมด ทุกคนบนโลกมีความพยายามที่ต่างกันไป
- ทุกวันนี้เจน Z ถูกสังคมกดดันให้ประสบความสำเร็จตามกรอบสังคมตั้งไว้ ถือว่าทุกวันนี้ประสบความสำเร็จหรือยัง ตีความกับคำนี้อย่างไร
ผมว่าไม่มีใครกดดันเราได้เท่ากับตัวเราเอง การต้องรีบประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อให้เราต้องแข่งขันให้ทันกับโลก ที่ทุกวันนี้มันเร็วจนบางทีผมเองก็ตามไม่ทัน แต่ที่ผมอยากประสบความสำเร็จเร็ว เพราะผมอยากพักเร็ว ความสำเร็จในที่นี้คือ การมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง สามารถเลี้ยงปากท้องได้ ไม่ต้องลำบาก ทำในสิ่งที่ได้ชอบได้
ตอนนี้ผมโฟกัสที่ตัวเองมากขึ้น แค่ผมได้เห็นงานถูกปล่อยออกมา ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แล้วความรู้สึกมันจะเพิ่มไปเรื่อย ๆ ตอนอัลบั้มเสร็จผมถือว่าสำเร็จแล้ว ตอนปล่อยเพลงผมก็ถือว่าสำเร็จไปอีกขั้น ส่วนคนจะชอบไม่ชอบงานของเราให้เขาตัดสิน เพราะเขาเป็นคนเสพผลงาน ต่างจากเมื่อก่อน ตอนเด็กกว่านี้ ความสำเร็จของเราคือต้องได้รางวัล เพื่อพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราคือที่หนึ่ง
ที่จริงผมแพลนไว้ตลอดเรื่องการออกจากวงการบันเทิง ทุกคนมีอายุในการทำงานของตัวเอง ต้องยอมรับว่าในวงการนี้ ต้องใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน ซึ่งร่างกายมันสึกหรอลงทุกวัน ใช้เสียงทุกวันก็ไม่เหมือนเดิม มันเป็นสิ่งที่เอาคืนกลับมาไม่ได้ วันใดวันหนึ่งเราต้องออกไปอยู่แล้ว เราแค่เตรียมตัวไว้เสมอ เราจะออกอย่างไร แล้วจะไปทำอะไร
สุดท้ายแล้วผมไม่ได้ออกไปจริง ๆ หรอก แค่อยู่เบื้องหน้าน้อยลง ไปเบื้องหลังมากขึ้น ยังไงก็วนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงเรื่อยๆ อยู่ดี ผมมีความรู้แค่การสร้างงาน กำกับ ทำเพลง ไม่มีทางไปที่อื่น วันหนึ่งถ้ามีโอกาสเข้ามาและเวลาลงตัว ถ้าใครให้โอกาสทำอะไร ผมก็พร้อมลองกำกับซีรีส์ หรืองานที่ใหญ่ขึ้น ผมไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีเวลาให้เตรียมตัว เพราะงานพวกนี้ต้องมีเวลาอยู่กับมันให้มากพอ
- ฝากผลงานให้ติดตาม
ฝากเพลง “ความพยายามอยู่ที่ไหน (Please Try Again)” สามารถฟังได้ในสตรีมมิงทุกแพลตฟอร์ม ส่วนอัลบั้มเต็มจะตามออกมาภายในปีนี้ เดี๋ยวมีคอนเสิร์ตเดี่ยวของผมชื่อ “NANON Born to เบียว คอนเสิร์ต”
ซีรีส์ปีหน้าจะมี “รักแรกโคตรลืมยาก The Series” รับรองสนุกครบรสไม่ต่างจากเวอร์ชันหนังแน่นอนครับ