บทเรียนสำหรับผู้นำและธุรกิจจาก Taylor Swift เทย์เลอร์ สวิฟต์
เมื่อนึกถึงชื่อ Taylor Swift ก็จะนึกถึงศิลปินนักร้องชาวอเมริกาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง มีอัลบัมและทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่องและมีแฟนคลับ หรือ Swifties เป็นจำนวนมากทั่วโลก
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาความสำเร็จของเธอแล้ว จะพบว่า Taylor Swift เทย์เลอร์ สวิฟต์ นอกเหนือจากความเป็นศิลปินแล้ว ยังมีความเป็นผู้นำและนักบริหารที่เก่งและประสบความสำเร็จอีกด้วย สื่อหลักด้านธุรกิจก็ได้เริ่มออกมายกย่อง Taylor Swift ในฐานะนักธุรกิจกันมากขึ้น
The Wall Street Journal ก็ได้ออกบทวิเคราะห์ชื่อ ‘How to succeed in business like Taylor Swift’ หรือ มีบทความใน inc.com ที่ระบุว่าควรจะมอบตำแหน่ง CEO of the Year ประจำไปให้กับ Taylor Swift ไปได้เลย
ความสำเร็จของ Taylor Swift ในเชิงการบริหารนั้น ไม่ใช่อยู่การสร้างรายได้ทั้งจากอัลบัมและทัวร์คอนเสิร์ตได้อย่างมากมายมหาศาลเท่านั้น แต่มาจากแนวทางที่เธอใช้ในการสร้างความผูกพันและความภักดีในเหล่า Seifties จนทำให้เกิดแฟนพันธุ์แท้ของ Taylor Swift ไปทั่วโลก
แนวทางการบริหารของ Taylor Swift ที่น่าสนใจประกอบด้วย
1. ตัวตนที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ - ภาพลักษณ์และแบรนด์ส่วนตัวของ Taylor Swift ที่สะท้อนตัวตนจริงๆ ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นความเปิดเผย ร่าเริง จริงใจ มีน้ำใจ หรือเข้าถึงได้ ภาพลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้จะถูกสื่อออกมาตลอดและเป็นภาพลักษณ์ที่ตรงกับใจและความต้องการของแฟนเพลง
เทียบกับภาวะผู้นำแล้วก็เหมือนกับ Authentic Leadership ที่แสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริง แสดงออกถึงคุณค่าหรือค่านิยมส่วนตัวออกมาอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา
2. การให้ความสำคัญและใส่ใจกับลูกค้า (แฟนเพลง) - Taylor Swift เป็นศิลปินคนแรกๆ ที่ใช้ประโยชน์จากสังคมออนไลน์ก่อนที่จะกลายเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน โดยเธอจะใช้สังคมออนไลน์ในการเข้าถึงและสื่อสารกับแฟนเพลงทั้งหลาย
Taylor ใช้สังคมออนไลน์ในการทำความเข้าใจถึงตัวแฟนเพลง จะมีคลิปมากมายที่ Taylor Swift ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างความแปลกใจและประทับใจให้กับแฟนเพลง โดยข้อมูลของแฟนเพลงก็มาจากสังคมออนไลน์
หนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังคือ Swiftmas ที่ Taylor เตรียมของขวัญให้แฟนเพลง ห่อ และเขียนการ์ดด้วยตนเอง แถมยังไปมอบให้กับแฟนเพลงบางคนเป็นพิเศษ
เมื่อเปิดอัลบัมใหม่ Taylor เชิญแฟนเพลงบางกลุ่มมาที่บ้านเพื่อจัดเป็นเซอร์ไพรส์ปาร์ตี้สำหรับฟังเพลงใหม่ สิ่งที่ Taylor ทำให้กับแฟนเพลงก็จะถูกบันทึกเป็นคลิปแบบง่ายๆ และถูกนำมาแชร์ไว้
สิ่งที่ Taylor ทำก็สอดคล้องกับหลัก Customer-centric โดยเน้นการสร้างความประทับใจและแปลกใจ (ในเชิงบวก) ให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความผูกพันและภักดี
นอกจากแฟนเพลงแล้ว Taylor ยังเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารในวงการเพลง ผู้จัดรายการวิทยุ หรือ ผู้ที่ร่วมงานด้วย เล่ากันว่า Taylor จะมีความจำที่แม่นเกี่ยวเรื่องที่สนทนากันครั้งสุดท้าย และ Taylor ยังชอบส่งการ์ดขอบคุณที่เขียนด้วยลายมือตนเองไปให้บุคคลต่างๆ ที่ร่วมงานด้วย
ซึ่งส่วนนี้ก็สอดคล้องกับหลักการบริหารและสร้างความประทับใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือ Stakeholders
3. การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่ตลอดเวลา - เพลงและการแสดงของ Taylor แต่ละครั้งจะไม่เหมือนเดิม จะมีความแปลกใหม่ตลอดเวลา ตัวTaylor เริ่มต้นจากการเป็นศิลปิน Country แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ออกอัลบัมใหม่ๆ ที่สะท้อนความเป็นป๊อบมากขึ้น แถมในช่วงหลังยังมีบางเพลงที่ออกแนวร็อค ทำให้ Taylor สามารถขยายฐานลูกค้าและผู้ฟังได้อย่างมากมาย
ล่าสุดทัวร์คอนเสิร์ต ที่ชื่อ Eras Tour แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัยของ Taylor ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา และภาพยนตร์คอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour ที่เพิ่งออกมาเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็ทำยอดฉายได้ถล่มทลายเช่นกัน
สรุปคือสิ่งที่ Taylor Swift ที่ทำให้เธอเป็นศิลปินระดับโลกนั้นก็สอดคล้องกับการบริหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Authentic Leadership, Customer-Centric, Stakeholders Management หรือการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม หลายท่านอาจจะเห็นด้วยว่าเธอสมควรเป็น CEO of The Year จริงๆ.