Oppenheimer กวาดรางวัลงาน ‘ลูกโลกทองคำ 2024’ ตรวจสอบผู้ชนะทุกสาขาได้ที่นี่
Oppenheimer กวาดรางวัล ‘ลูกโลกทองคำ 2024’ กลับบ้านเพียบ ด้าน ‘คิลเลียน เมอร์ฟี’ และ ‘ฮายาโอะ มิยาซากิ’ (The Boy and the Heron) คว้ารางวัลลูกโลกทองคำเป็นตัวแรกในชีวิต ตรวจสอบรายชื่อผู้ชนะรางวัล ‘ลูกโลกทองคำ 2024’ ทุกสาขาได้ที่นี่
ประกาศผลกันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงานประกาศรางวัลงานใหญ่งานแรกของปี ‘ลูกโลกทองคำ 2024’ สำหรับเรื่องที่ได้เป็น King of Golden Globe 2024 ด้านภาพยนตร์ ต้องยกให้ Oppenheimer ที่กวาดรางใหญ่ไปครองถึง 4 รางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทดรามา, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (คริสโตเฟอร์ โนแลน), นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (คิลเลียน เมอร์ฟี), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) และรางวัลเล็ก ๆ อย่าง เพลงสกอร์ยอดเยี่ยม
ขณะที่ Poor Things นั้นมาวินในประเภทภาพยนตร์แนวตลก/เพลง เพราะได้รับรางวัลใหญ่อย่าง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทตลก/เพลง และนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ตลก/เพลง (เอ็มมา สโตน) ไปครอง
The Holdovers เองก็คว้ารางวัลใหญ่ไปได้ทั้ง นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทภาพยนตร์แนวตลก/เพลง และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมประเภทภาพยนตร์
เช่นเดียวกับ Anatomy of a Fall ที่ได้รับรางวัล บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ไปครอง
ในส่วนของซีรีส์นั้นต้องเรียกว่าทั้ง Succession (แนวดรามา), The Bear (แนวตลก/เพลง) และ BEEF (Limited Series) ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน เพราะแต่ละเรื่องกวาดรางวัลในประเภทของตัวเองไปครองชนิดที่เรียกได้ว่า “กินเรียบ”
ผู้ผิดหวังที่สุดเห็นจะเป็น Barbie ที่เข้าชิงมากที่สุด 9 รางวัล แต่ล่าสุดได้ไปครองเพียง 2 รางวัล คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ Box Office มากที่สุด
รายชื่อผู้ชนะรางวัลลูกโลกทองคำสาขาต่าง ๆ มีดังนี้
ด้านภาพยนตร์
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทดรามา ได้แก่ Oppenheimer
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทตลกหรือเพลง ได้แก่ Poor Things
- ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ คริสโตเฟอร์ โนแลน จาก Oppenheimer
- นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดรามา ได้แก่ คิลเลียน เมอร์ฟี จาก Oppenheimer
- นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดรามา ได้แก่ ลิลี่ แกลดสโตน จาก Killers of the Flower Moon
- นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ตลกหรือเพลง ได้แก่ พอล เจียแมตติ จาก The Holdovers
- นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ตลกหรือเพลง ได้แก่ เอ็มมา สโตน จาก Poor Things
- ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ได้แก่ The Boy and the Heron (ถือเป็นรางวัลลูกโลกทองคำตัวแรกของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ Ghibli ของญี่ปุ่น)
- ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ได้แก่ Anatomy of a Fall
- บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ Anatomy of a Fall (จัสติน ไทรเอต และ อาร์เธอร์ ฮารารี)
- นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ได้แก่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จาก Oppenheimer
- นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ได้แก่ ดาไวน์ จอย แรนดอล์ฟ จาก The Holdovers
- เพลงสกอร์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ Ludwig Göransson จาก Oppenheimer
- เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลง “What Was I Made For?” โดย Billie Eilish O'Connell และ Finneas O'Connell จากภาพยนตร์ Barbie
ด้านรายการโทรทัศน์
-
ซีรีส์แนวดรามายอดเยี่ยม ได้แก่ Succession
-
ซีรีส์แนวตลก/เพลงยอดเยี่ยม ได้แก่ The Bear
-
Limited Series ยอดเยี่ยม ได้แก่ BEEF
-
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์แนวดรามา ได้แก่ คีแรน คัลกิน จาก Succession
-
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์แนวดรามา ได้แก่ ซาราห์ สนุก จาก Succession
-
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์แนวตลก/เพลง ได้แก่ เจเรมี อัลเลน ไวท์ จาก The Bear (ตัวที่ 2)
-
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์แนวตลก/เพลง ได้แก่ อาโย เอเดบิรี จาก The Bear
-
นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ประเภททีวีซีรีส์ ได้แก่ แมทธิว แมคเฟย์เดน จาก Succession (ตัวแรก)
-
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ประเภททีวีซีรีส์ ได้แก่ เอลิซาเบธ เดบิกกี้ จาก The Crown
-
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภท Limited Series, Anthology Series หรือ Television Motion Picture ได้แก่ สตีเฟน ยอน จาก BEEF
-
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท Limited Series, Anthology Series หรือ Television Motion Picture ได้แก่ อาลี หว่อง จาก BEEF
รางวัลใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในปีนี้
-
การแสดงเดี่ยวไมโครโฟนยอดเยี่ยมทางโทรทัศน์ (Best Stand-Up Comedian on Television) ได้แก่ Ricky Gervais, Ricky Gervais: Armageddon
-
ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้มากที่สุด (Cinematic and Box Office Achievement in Motion Picture) ได้แก่ Barbie