ซิงเกิล Come back to me การกลับมาสุดปังของจักรวาล RM

ซิงเกิล Come back to me การกลับมาสุดปังของจักรวาล RM

หลังจากห่างหายวงการเพลงไปเพื่อเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ล่าสุด RM จาก BTS ก็ได้ปล่อยซิงเกิลแรก Come back to me จากอัลบั้มเดี่ยวสุดที่สองมาให้แฟนคลับหายคิดถึง ซึ่งครั้งนี้ได้ผู้กำกับชื่อดังจากเรื่อง Beef อี ซังอิน มารับบทสร้างสรรค์มิวสิกวิดีโอที่มีเรื่องราวอันซับซ้อน

ไม่ทำให้แฟนคลับหรือบรรดาอาร์มี่ต้องผิดหวัง หลังจากรอคอยโซโล่อัลบั้มเต็มชุดที่สอง ของ “RM” ลีดเดอร์วง “BTS” หรือ คิม นัมจุน ที่มาในชื่อ Right Place Wrong Person ด้วยการปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลงแรก “Come back to me” ที่ไม่ได้โดดเด่นในการนำเสนอผ่านหนังสั้นเนื้อหาซับซ้อนเท่านั้น แต่ครั้งนี้เขายังแสดงเป็นตัวเองในหลายบทบาทอีกด้วย ทั้งคนธรรมดา คุณพ่อที่อบอุ่น แฟนหนุ่มที่ต้องมีปัญหากับแฟนสาว เด็กน้อยของพ่อแม่ และสุดท้ายตัวเขาเองที่ได้พบกับตัวเองอีกคนที่อาจเรียกได้ว่ามาในรูปแบบของคนรู้ใจ (แสดงโดย คิม มิน-ฮา) หลังจากที่ต้องอยู่ผิดที่ผิดทางในเขาวงกตมาตลอด สอดคล้องกับเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงการกลับมาของใครบางคน

ซิงเกิล Come back to me การกลับมาสุดปังของจักรวาล RM IG : bts.bighitofficial

นอกจากเนื้อหาของเพลงแล้วการถ่ายทอดภาพและเนื้อหาในมิวสิกวิดีโอครั้งนี้ก็ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการได้ผู้กำกับชื่อดัง อี ซังอิน เจ้าของผลงาน Beef มาเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งข้อมูลจาก The Hollywood reporter ระบุว่า ซังอิน ได้กล่าวถึงการร่วมงานกับ นัมจุน ในครั้งนี้ว่า แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกประหม่าที่ต้องร่วมงานกับศิลปินชื่อดัง แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพและความเป็นกันเองของนัมจุนทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบลื่น แม้นัมจุนจะได้รับบาดเจ็บขณะถ่ายทำแต่ก็สามารถกลับมาถ่ายงานต่อได้ และที่สำคัญเขายังมีส่วนร่วมกับทีมเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ซังอินยังมองว่านัมจุนและทีมของเขาพยายามมองหาความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ให้กับวงการ K-POP อีกด้วย ทำให้ส่วนตัวแล้วเขารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับศิลปินคนนี้

ซิงเกิล Come back to me การกลับมาสุดปังของจักรวาล RM อี ซังอิน (ขวาสุด) IG : rkive

ในส่วนของเรื่องราวในมิวสิกวิดีโอเปิดมาด้วยตัวของนัมจุนเองที่นั่งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของคนรอบข้างก่อนจะเริ่มลุกออกไปเปิดประตูต่างๆ ซึ่งประตูแต่ละบานนั้นบทบาทของเขาก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยประตูบานแรกเขาคือคุณพ่อที่มีครอบครัวแสนอบอุ่น ประตูบานถัดมาก็ได้เจอกับแฟนสาวที่กำลังโมโหเขาอยู่ (ไม่แน่ใจว่าทะเลาะกันไหม) ต่อมาประตูบานที่สามเขากลายเป็นเด็กทารกที่อยู่ในเตียงเด็กและมีพ่อกับแม่พยายามเล่นกับเขา ก่อนที่จะเขามาโผล่อยู่ภายในบ้านและได้พบเจอกับตัวเขาเองที่ต่อมามีการสลับภาพให้กลายเป็น มิน-ฮา คล้ายกับว่าที่สุดก็ได้เจอคนที่ตามหามานาน แต่กลับเดินสวนทางกันมาหลายครั้ง ก่อนที่ภาพจะตัดกลับไปในช่วงต้นของเพลงอีกครั้ง แล้วค่อยๆ สลับให้เห็นนัมจุนในบทบาทต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไปในการเปิดประตูแต่ละบาน ซึ่งครั้งนี้จะเป็นนัมจุนในเวอร์ชันที่มีความสุขไปในทุกบทบาท ก่อนจะได้มาเจอกับ มิน-ฮา อีกครั้ง ที่บางคนมองว่าจุดนี้ตรงกับท่อนที่ร้องว่า “I see you come back to me”

หากสังเกตุดีๆ จะพบว่าในมิวสิกวิดีโอจะมีประตูอยู่หนึ่งบานที่ยังไม่ได้รับการเปิด ที่ถึงแม้จะพยายามเปิดแล้วก็ยังเปิดไม่ออก และเป็นประตูที่มีลักษณะต่างกับบานอื่นตรงที่มีวงกลมเล็กๆ สามวงเรียงกันเป็นแนวตั้งอยู่บานประตู ซึ่งประตูตอนนี้ก็ถูกเปิดออกได้สำเร็จจากการตัดสินใจร่วมกันของ มิน-ฮา และนัมจุน ที่เมื่อเปิดออกไปแล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปก่อนที่ภาพจะฉายในเห็นว่าฉากทั้งหมดวนเวียนอยู่ภายในเขาวงกตที่มีลักษณะเป็นเหมือนบ้าน

ซิงเกิล Come back to me การกลับมาสุดปังของจักรวาล RM IG : rkive

หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าตอนจบที่แท้จริงของเรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ? ส่วนหนึ่งก็อาจจะแตกต่างกันออกไปในการตีความของแต่ละคน แต่คำตอบเหล่านั้นอาจจะเฉลยออกมาผ่านการออกเดินทางไปพร้อมกัน ในวันที่ 24 พ.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันปล่อยอัลบั้ม Right Place Wrong Person ที่มีทั้งหมด 11 เพลงของนัมจุนในเวลาบ่ายโมงตรง (ตามเวลาเกาหลีใต้)

ตามรายงานของ Big Hit Music ต้นสังกัดของนัมจุนระบุว่า หลังจาก “Come back to me” ปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็ขึ้นอันดับที่ 1 ในหลายชาร์ตเพลงทั่วโลก เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และบราซิล นอกจากนี้ยังเป็นอันดับ 1 ในหมวดเพลงยอดนิยมของ iTunes ถึง 82 ประเทศทั่วโลก

สำหรับอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของนัมจุน Indigo ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อ ธ.ค. 2022 ก็เคยขึ้นสู่อันดับ 3 บนชาร์ต Billboard 200 มาแล้ว

อ้างอิงข้อมูล : Billboard, The Hollywood reporter และ Naver