‘ไวน์ประวัติศาสตร์’ 'ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004' สานสัมพันธ์อังกฤษ-ฝรั่งเศส
เมื่อค่ำวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส จัดงานกาลา ดินเนอร์ ถวายสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ และเสิร์ฟ ‘ไวน์ประวัติศาสตร์’ ไวน์แดง ‘ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004’ ซึ่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงออกแบบฉลาก
ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004 (Château Mouton Rothschild 2004) เจาะจงต้องเป็นวินเทจ 2004 ซึ่งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงออกแบบฉลาก เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศ เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารอังกฤษ โดยเสิร์ฟด้วยขวดดับเบิ้ล แม็กนั่ม หรือ 3 ลิตร
ไวน์แดง ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004 จึงเป็น ไวน์ประวัติศาสตร์ ที่ผู้นำแห่งฝรั่งเศส นำขึ้นโต๊ะเสวยถวายงานกาลา ดินเนอร์ ที่ Hall of Mirrors ในพระราชวังแวร์ซาย พร้อมแขกรับเชิญ 160 คน มีทั้งเซเลบริตี้ นักกีฬาชื่อดัง นักเขียน ไวน์เมกเกอร์ และนักการเมือง
งานเลี้ยงประวัติศาสตร์ ไวน์ประวัติศาสตร์
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรพร้อมด้วยพระราชินี คามิลลา เสด็จเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการครั้งแรก เป็นเวลา 3 วัน (20-22 กันยายน 2566) โดยคืนวันที่ 21 กันยายน 2566 ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ถวายการจัดเลี้ยงกาลา ดินเนอร์
ตามกำหนดเดิมนั้น พระเจ้าชาร์ล ที่ 3 จะเสด็จเยือนฝรั่งเศสเป็น State Visit ครั้งแรก นับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ ในวันที่ 26 มีนาคม 2566 จากนั้นจะเสด็จไปเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ซี่งเป็นเมืองที่มีชาวอังกฤษไปอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในวันที่ 28 มีนาคม 2566 พร้อมกับจะเสด็จไปเยือนไร่องุ่นออร์แกนิคด้วย
ผู้นำของ 2 ประเทศในงานกาลา ดินเนอร์ สานสายสัมพันธ์อังกฤษ-ฝรั่งเศส
แต่หมายกำหนดการเลื่อนมาถึง 6 เดือน จากเหตุการณ์การประท้วงต่อต้านการปฏิรูปเงินบำนาญทั่วประเทศ จนทำให้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส อับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก
แต่ในงานกาลา ดินเนอร์ เมื่อค่ำวันที่ 21 กันยายน เป็นงานใหญ่และเป็นทางการ โต๊ะเลี้ยงมีความยาวถึง 60 เมตร เพื่อที่ทุกคนจะสามารถร่วมรับประทานอาหารค่ำได้พร้อมกัน
ผู้นำฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าภาพกล่าวว่า “ถึงแม้เกิด BREXIT ขึ้น หากเป็นเพราะความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นมีมานานมาก ผมรู้ว่าพวกเราจะยังคงเขียนประวัติศาสตร์ร่วมกันเกี่ยวกับทวีปของพวกเราต่อไป”
เซอร์ มิก แจ็คเกอร์ กับอาร์แซน แวงแกร์
งานเลี้ยงประวัติศาสตร์พร้อม ไวน์ประวัติศาสตร์ พร้อม มีแขกพิเศษหลายคน เช่น
เคน ฟอลเลต (Ken Follet) นักเขียนนวนิยายชื่อดัง, ชาร์ล็อตต์ เกนส์เบิร์ก (Charlotte Gainsbourg) นักแสดงและนักร้องลูกครึ่งฝรั่งเศส-อังกฤษ, เทสซา ชาร์ลอตต์ แรมพลิง (Tessa Charlotte Rampling) นักแสดงชาวอังกฤษ
ดาราอังกฤษ ฮิวจ์ แกรนต์
คริสทิน สก็อต โธมัส (Kristin Scott Thomas) นักแสดงชาวอังกฤษที่มีสัญชาติฝรั่งเศส, เซอร์มิก แจ็กเกอร์ (Mick Jagger) นักร้อง นักแต่งเพลง ชาวอังกฤษ และฮิวจ์ แกรนต์ (Hugh Grant) นักแสดงชื่อดัง
สายกีฬา เช่น อาเมลี โมเฮรสโม (Amélie Mauresmo) อดีตนักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลกชาวฝรั่งเศส, อาร์แซน แวงแกร์ (Arsène Wenger) อดีตผู้จัดการสโมสรอาร์เซนอล และ 2 นักฟุตบอลชื่อดังที่เคยมาสร้างชื่อในอังกฤษ ดิดิเยร์ ดร็อกบา (Didier Drogba) อดีตนักเตะเชลซี และแพทริค วิเอฮรา (Patrick Vieira) อดีตนักเตะอาร์เซนอล เป็นต้น
ยังมีบิ๊กบอสของกลุ่มธุรกิจ เช่น แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) CEO ของ French luxury group LVMH กลุ่มสินค้าหรูหราแห่งฝรั่งเศส, ซาวีเยร์ นีล (Xavier Niel) ผู้ก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคมฝรั่งเศส
พระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรพร้อมด้วยพระราชินี คามิลลา ทรงได้รับการถวายการต้อนรับในการมาเยือนที่จุดเริ่มต้นประตูชัยแห่งฝรั่งเศส และเป็นจุดที่สมเด็จพระราชีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษเสด็จเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2014
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ กับภริยาประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศส
ขณะที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตรัสถึงพระราชมารดา ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงเคยเสด็จร่วมมื้อกลางวันมาแล้วภายในห้องเดียวกันนี้ที่พระราชวังแวร์ซาย เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อปี 1957
ไวน์แดงถือเป็นไฮไลท์ โดยเฉพาะ ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004 และทันทีที่มีการประกาศว่า เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารอังกฤษ จะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร (พระราชชนนี เสด็จสวรรคตในวันที่ 8 กันยายน 2022) ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004 ก็กลายเป็นไวน์ที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกขึ้นมาทันที รวมทั้งในเมืองไทยซึ่งอยู่ที่ขวดละประมาณ 40,000 บาท
ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004
ชาโต มูตง ร็อธชิลด์ 2004 ฉลากเป็นฝีพระหัตถ์ของ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศ เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมาร เป็นภาพเขียนสีน้ำรูปต้นสน (Pine) ริมชายฝั่งโก๊ต ดาซูร์ (Cote d'Azur) หรือเฟรนช์ริเวียร่า (French Riviera) ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสรวมถึงโมนาโก ที่พระองค์เสด็จไปพักผ่อน
ต้อนรับด้วยแชมเปญปอล โฮรแฌร์ คูเว เซอร์วินส์ตัน เชอร์ชิลล์
ข้อความสำคัญอีกอย่างหนึ่งพร้อมลายพระหัตถ์ ใต้รูปข้อความว่า
To celebrate the 100th Anniversary of the Entente Cordiale – Charles, 2004
คำว่า Entente-Cordiale ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง ความตกลงฉันทไมตรี หรือ ความเข้าใจฉันทไมตรี ใช้ในภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี 1844 เพื่อแสดงถึงความตระหนักในผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างสหราชอาณาจักรกับฝรั่งเศส
ปัจจุบัน Entente-Cordiale มักหมายถึง ความตกลงฉันทไมตรีครั้งที่ 2 นั่นคือ ความตกลงลายลักษณ์อักษรและเป็นความลับส่วนหนึ่ง ที่ลงนามในกรุงลอนดอนระหว่างชาติทั้ง 2 ชาติ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 1904
Salon 1948
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าฉลากวินเทจ 2004 นี้เป็นฉลองครบรอบ 100 ปี ของการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ลงตัวของอังกฤษและฝรั่งเศส และวันที่ 21 กันยาน 2023 ก็เวียนมาถึงวันแห่งผลประโยชน์นั้นอีกครั้ง
ปัจจุบันฉลากจริงเก็บไว้ที่สถาบันประมูล Sotheby ในนิวยอร์ก เคียงข้างฉลากของอดีตศิลปินชื่อดังที่เคยออกแบบฉลากชาโต มูตง ร็อธชิลด์ ได้แก่ ปิกาสโซ่, ชากาลล์ และแอนดี้ วอร์ฮอล
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับพระราชินีคามิลลา
ส่วนแชมเปญเป็น ปอล โฮรแฌร์ คูเว เซอร์ วินส์ตัน เซอร์ชิลล์ (Pol Roger,Cuvée Sir Winston Churchill) วินเทจ 2013 เป็นขนาดแม็กนั่ม หรือ 1.5 ลิตร ก็มีความเกี่ยวพันกับอังกฤษ โดยปอล โฮรแฌร์ ผู้ผลิตแชมเปญชื่อดัง ตั้งชื่อรุ่นเพื่อเป็นเกียรติแก่ เซอร์ วินส์ตัน เซอร์ชิลล์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งชื่นชอบแชมเปญยี่ห้อนี้เป็นพิเศษ ที่สำคัญปอล โฮรแฌร์กับเซอร์วินส์ตัน เซอร์ชิลล์ก็เป็นเพื่อนกันด้วย
Paul Roger
ก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีฝรั่งเศสและประมุขแห่งสหราชอาณาจักร ได้พบปะกันที่พระราชวังเอลีเซ (Elysée Palace) ซึ่งประธานาธิบดีมาครง สร้างความประทับใจ โดยถวายการต้อนรับพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ด้วยแชมปเปญ ซาลง (Salon) เจาะจง วินเทจ 1948 ซึ่งเป็นปีประสูตรของพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น
สำหรับไวน์ขาว เป็น โอลิวิเยร์ เลอเฟลฟ บาตาร์ด มงตราเชต์ กรองด์ ครู (Olivier Leflaive, Bâtard Montrachet Grand Cru) วินเทจ 2018 เป็นขนาดแม็กนั่ม โดย Olivier Leflaive เป็นหนึ่งในยอดผู้ผลิตไวน์แห่งแคว้นเบอร์กันดี ของฝรั่งเศส เป็นไวน์ขาวที่สำนักพระราชวังอังกฤษนิยมใช้
ไวน์ขาว Olivier Leflaive, Bâtard Montrachet
เมนูอาหารนั้นรังสรรค์โดยเชฟมิชลิน ประกอบด้วย ยานนิค อัลเลโน (Yannick Alléno) แอนน์ โซเฟีย ปิก (Anne-Sophie Pic) และปิแอร์ แอร์เม (Pierre Hermé) ซึ่งต้องส่งรายชื่อเมนูไปยังสำนักพระราชวังในกรุงลอนดอน ตรวจเช็คก่อน เพราะพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ไม่เสวยบางอย่าง เช่น ฟัวกราส์
โต๊ะกาลา ดินเนอร์ ยาว 60 เมตร
เมนูประกอบด้วย Blue lobster, Bresse French poultry with mushroom gratin, and concluded with a set of three hand-picked cheeses (two French and one English), Isfahan Persian Macaroon
สำหรับฝรั่งเศสแล้ว ไวน์ ยังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการเชื่อมหรือสานสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อย่างน้อยไวน์ก็เป็นผลประโยชน์อันมหาศาลของฝรั่งเศส