'Hole in the Wall Cafe' กับคอนเซปต์ร้านที่หลากหลาย
จากร้านต้นแบบในจีนและญี่ปุ่น สไตล์การเสิร์ฟกาแฟผ่านรูโพรงในผนังกำแพงอันแปลกใหม่ กลายเป็นกิมมิคทางการตลาด หลายประเทศนำไปเปิดร้านตาม
'Hole in the Wall' (โฮล อิน เดอะ วอลล์) เป็นรูปแบบร้านกาแฟที่ถูกกล่าวถึงมากตามหน้าสื่อกระแสหลักและสื่อโซเชียลเมื่อ 3-4 ปีก่อน เนื่องจากคอนเซปต์ร้านมีความแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำแบบใคร ร้านนี้ไม่มีโต๊ะ-เก้าอี้ มีเพียง 'รูหรือโพรงในกำแพง' เวลาสั่งและรับออร์เดอร์ก็ดำเนินการผ่านรูโพรงนี้ คนชงกาแฟด้านในกับลูกค้าด้านนอกแทบไม่เจอหน้าค่าตาหรือสนทนากัน แต่มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
ร้านสไตล์นี้มี'จีน'กับ'ญี่ปุ่น'เป็นร้านต้นแบบ บอกเลยว่าโด่งดังมาก ๆ กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก จนเริ่มมีการนำรูปแบบร้านไปใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ร้านกาแฟสไตล์โฮล อิน เดอะ วอลล์ ต้นฉบับดั้งเดิมแท้ ๆ นั้นเป็นแบบเทคอะเวย์ คือ ไม่มีประตู, ไม่มีหน้าต่าง, ไม่มีโต๊ะ-เก้าอี้, ไม่มีเครื่องปรับอากาศ, ไม่มีห้องน้ำ และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เหมือนร้านกาแฟทั่วไป แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางการสั่งซื้อกาแฟผ่านรอยแตกของกำแพงแต่ประการใด
แรก ๆ เปิดร้านใหม่ทั้งในจีนและญี่ปุ่น ช่วงประมาณปีค.ศ. 2020-2021 มีคนเข้าคิวหน้า 'รูโพรง' ของร้านกันยาวเหยียดจนเป็นข่าวเกรียวกราว
'คูมะ โน เตะ' ร้านกาแฟกำแพงมีรูแห่งแรกในญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมเรียกหาว่า 'ร้านกาแฟอุ้งตีนหมี' (ภาพ : instagram.com/kumanote_cafe.osaka)
ช่วงไฮไลต์ก็คือ ถึงเวลารับออร์เดอร์ที่สั่งไว้ ลูกค้าแทบทุกคนก็จะรีบยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายภาพ แล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ประกาศให้เพื่อน ๆ รับรู้ว่าฉันมาดื่มกาแฟที่นี่แล้วนะ เพราะนี่เป็นร้านที่ไม่ซ้ำแบบใคร ทั้ง 'รูปแบบ' และ 'คอนเซปท์' ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับการดื่มกาแฟจริง ๆ
กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง ผู้เขียนไปเจอข่าวจากเมืองมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ มีการเปิดร้านกาแฟสไตล์โฮล อิน เดอะ วอลล์ หรือร้านกาแฟกำแพงมีรูด้วย เจ้าของร้านบอกว่าเป็นร้านกาแฟสไตล์นี้เป็นแห่งแรกของเมืองเลยทีเดียว มีรูโพรงเล็ก ๆ หน้าร้านสำหรับให้ลูกค้าสั่งซื้อกาแฟและเครื่องดื่ม แต่ผู้เขียนเห็นคอนเซปต์ร้านแล้ว คิดว่าค่อนข้างแตกต่างไปจาก 'ร้านต้นแบบ' ทีเดียว
ร้านกาแฟกำแพงมีรูแห่งแรกในญี่ปุ่น ชื่อว่า 'คูมะ โน เตะ' (Kuma No Te) นี่เป็นภาษาญี่ปุ่น ถอดความเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า 'Bear Paw' (อุ้งตีนหมี) ที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมเรียกหาว่า 'ร้านกาแฟอุ้งตีนหมี' ร้านนี้เปิดตัวครั้งแรกที่เมืองโอซาก้า เมื่อเดือนกันยายน 2021 ดีไซน์รูปแบบร้านคล้ายถ้ำโพรง มีรูหรือช่อง 2 ช่อง โดยช่องแรกสำหรับสั่งออร์เดอร์และจ่ายเงิน อีกช่องเสิร์ฟกาแฟ, เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ ผ่านรูโพรงเล็ก ๆ บนผนังกำแพง โดยไม่เห็นหน้าค่าตากันเลยระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ
โฉมหน้าร้าน 'คูมะ โน เตะ' ดีไซน์ร้านคล้ายถ้ำโพรง มีรูหรือช่อง 2 ช่อง สำหรับสั่งออร์เดอร์และเสิร์ฟเครื่องดื่ม ผ่านรูโพรงเล็ก ๆ ในผนังกำแพง (ภาพ : instagram.com/kumanote_cafe.osaka)
คอนเซปต์ร้านคือ 'เปิดโอกาส' ให้คนที่เป็นโรคกังวลการเข้าสังคม ได้ทำงานประจำ และค่อย ๆ ปรับตัวเข้าสู่สังคมได้ตามปกติ
คาเฟ่แห่งนี้เปิดดำเนินการโดยองค์กรที่สนับสนุนและสร้างโอกาสในการจ้างงานแก่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมองเห็นว่ารูปแบบร้านกาแฟสไตล์โฮล อิน เดอะ วอลล์ มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมและไม่เครียด เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพจิตใจ
อย่างที่ทราบกันดี...พนักงานร้านจะสวมถุงมือรูป'อุ้งตีนหมี'ขนยาวที่ทำขึ้นจากผ้านุ่ม ๆ ฟู ๆ ตอนเสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมผ่านช่องเล็ก ๆ ขณะที่ลูกค้าสามารถโต้ตอบกับพี่หมีหรือน้องหมีได้ด้วยการแตะสัมผัสอุ้งตีนหมีเบา ๆ ,จับเขย่าเบา ๆ หรือแปะมือกันเบา ๆ บางทีพนักงานก็ชูสองนิ้วเป็นรูปตัววี เพื่อส่งต่อกำลังใจดี ๆ ให้กัน เรียกว่าใช้อุ้งตีนหมีเป็นสื่อกลางก็ว่าได้
อีกร้านกาแฟสไตล์กำแพงมีรูในญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี คือ ร้าน 'อะนาคูมะ คาเฟ่' (Anakuma Café) ร้านนี้อยู่ที่ย่านฮาราจูกุ ในกรุงโตเกียว หน้าร้านและอาคารทาสีเขียวสะดุดตาที่ทำให้ดูเหมือนป่าทึบกลางมหานคร ถือเป็นจุดแลนด์มาร์คอย่างดีเวลาเดินตามหาร้านเป้าหมาย หาเจอได้ง่ายมาก ๆ
ร้าน 'ฮินิชิโจ' ของจีนในมหานครเซี่ยงไฮ้ ว่ากันว่านี่คือร้านกาแฟสไตล์อุ้งตีนหมีแห่งแรก ก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2020 (ภาพ : weibo.com/HINICHIJOU)
มีเรื่องเล่าว่า หมีผู้จัดการร้านจำเป็นต้องระเห็จออกจากป่ามาสู่เมือง เพราะปัญหา 'ตัดไม้ทำลายป่า' จึงเปิดร้านกาแฟขึ้นมา ต้องการให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ใช่เลยครับ... คอนเซปต์ของร้านนี้จึงมุ่งเน้นไปที่เรื่องกรีน ๆ อย่างการปกป้องอนุรักษ์ป่า, การค้าที่เป็นธรรม และการใช้บรรจุภัณฑ์แบบย่อยสลายได้ นอกจากนั้น ยังมีการมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้กับหน่วยงานที่เคลื่อนไหวเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้อีกด้วย
วิธีการสั่งออร์เดอร์จะแตกต่างไปจากร้านคูมะ โน เตะ คือ ร้านอะนาคูมะ คาเฟ่ จะมีแท็บเล็ตตั้งอยู่หน้าร้านเพื่อสั่งเครื่องดื่มและอาหาร จากนั้นก็ไปรับออร์เดอร์ตรงรูกำแพง รับเครื่องดื่มและขนมจากอุ้งตีนหมี ที่พิเศษมาก ๆ คือ พนักงานแต่ละคนที่มาทำงานในแต่ละวันจะมี 'ชื่อเล่น' ด้วย สามารถเข้าไปเยี่ยมชมในเว็บไซต์ของร้าน เพื่อค้นหาว่าพี่หมีหรือน้องหมีคนไหน เข้าเวรทำงานวันอะไรบ้าง
อ้อ... ในเว็บไซต์มีการใช้ภาพตัวการ์ตูนหมีน่ารัก ๆ แทนภาพพนักงาน พร้อมระบุว่าชอบงานอดิเรกประเภทไหน และมีคำแนะนำตัวเองด้วย
สองร้านกาแฟกำแพงมีรูในญี่ปุ่น แม้มีคอนเซปต์ต่างกันแต่ก็ล้วนเป็นเรื่องดีงามสร้างสรรค์ด้วยกันทั้งสิ้น คือ ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจกับช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ อีกร้านสไตล์นี้ในประเทศจีน ถ้าไม่พูดถึงเลย ถือว่าพลาดมาก ๆ นั่นคือ ร้านกาแฟ 'ฮินิชิโจ' (Hinichijou Cafe) ว่ากันว่านี่คือร้านกาแฟสไตล์โฮล อิน เดอะ วอลล์ แห่งแรกเลยทีเดียว เพราะก่อตั้งมาในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2020
ร้านกาแฟสไตล์อุ้งตีนหมีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีอีกแห่งในญี่ปุุ่น คือ ร้าน 'อะนาคูมะ คาเฟ่' ตั้งอยู่ในย่านฮาราจูกุ (ภาพ : instagram.com/anakuma.cafe)
ร้านฮินิชิโจ อยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นร้านแรกเริ่มที่สร้างความฮือฮาด้วยรูปแบบการเจาะผนังร้านเป็นรูหรือช่องโพรง เพื่อเสิร์ฟออร์เดอร์ผ่านทางอุ้งตีนหมีขนฟู ๆ นุ่ม ๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ของจริง ชื่อร้านเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า 'พิเศษมาก' แล้ววันเปิดร้านอย่างเป็นทางการวันแรกก็คือ 3 ธันวาคม อันเป็นวันคนพิการสากล ซึ่งสหประชาชาติเป็นผู้กำหนดไว้
คอนเซปต์ร้านมุ่งเน้นไปในเรื่องมอบโอกาสการจ้างงานให้กับคนพิการ เช่น จัดจ้างบาริสต้าที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน รวมไปถึงผู้จัดการร้านที่หูหนวกและเป็นใบ้ เป้าหมายหลักคือต้องการให้พนักงานเหล่านี้มีความรู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะออกไปทำงานนอกบ้าน
เช่นเดียวกัน ในร้านนี้ไม่มีโต๊ะและเก้าอี้ ดังนั้น การสั่งออร์เดอร์ใช้วิธีให้ลูกค้านำสมาร์ทโฟนมาสแกนคิวอาร์โค้ดบนป้ายที่ห้อยไว้ใต้ช่องโพรงของหน้าร้านที่บางคนตั้งชื่อให้ว่า 'ถ้ำหมี' จากนั้นสมาร์ทโฟนก็จะเข้าสู่โปรแกรมสำหรับสั่งเมนูกาแฟและชำระเงิน เมื่อจบขั้นตอนนี้ก็ไปยืนรอได้เลย
เมื่อถึงคิวรับออร์เดอร์ จะมีอุ้งตีนหมีสีน้ำตาลขนปุกปุยน่ารัก ๆ ยื่นออกจากโพรงพร้อมถือเครื่องดื่มที่สั่งไว้ คุณลูกค้าสามารถถ่ายภาพและเล่นด้วยได้ด้วย ไม่ต่างไปจากร้านสไตล์เดียวกันนี้ในญี่ปุ่น
ร้าน 'อะนาคูมะ คาเฟ่' ใช้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ ตรงตามคอนเซปต์ของร้านที่มุ่งเน้นเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ (ภาพ : instagram.com/anakuma.cafe)
เพียงปีเดียวเท่านั้น ด้วยความนิยมที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ร้านกาแฟฮินิชิโจถึงกับเปิดสาขาถึง 12 แห่งด้วยกัน ในจำนวนนี้เป็นสาขาในเมืองหางโจและหนานจิง สองหนุ่มชาวจีนผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นพี่น้องฝาแฝดและตาบอดมาแต่กำเนิด ไม่ได้สนใจแค่กาแฟ แต่มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้ที่บกพร่องทางการได้ยินหรือมองเห็น จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พนักงานจะก้าวเดินไปข้างหน้า
ดังนั้นเมื่อเปิดร้านสาขาแห่งใหม่ที่เมืองผู่ตง พนักงานที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นหรือการได้ยิน ก็สามารถเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าแบบเห็นหน้าเห็นตากันได้ ไม่อายที่จะพบปะกับลูกค้าอีกต่อไป แม้กระนั้น พนักงานบางคนยังคงใช้วิธีเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมของร้าน นั่นคือ ผ่านอุ้งตีนหมีอันนุ่มนิ่ม
เมื่อปีที่แล้ว ร้านกาแฟอุ้งตีนหมีแห่งเมืองจีนได้เปิดสาขาต่างประเทศแห่งแรกขึ้นที่ 'สิงคโปร์' ในตึกแบงก์ ออฟ สิงคโปร์ เซนเตอร์ ผ่านทางการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ชิพกับธนาคารสิงคโปร์แห่งนี้ มีรูปแบบร้านที่เปิดโล่งเหมือนเอาท์เล็ตทั่วไป ไม่มีรูโพรงของถ้ำหมีอีก ขณะที่ในบรรดาพนักงานของสาขานี้ มีบาริสต้า 2 คนเป็นออทิสติก
Hole in the Wall อาจทำให้หลายคนสับสนถึงเรื่องรูปแบบร้าน เพราะมีร้านกาแฟในประเทศต่าง ๆ นำไปตั้งเป็นชื่อร้าน บางร้านก็ตั้งชื่อว่า Bear Paw Cafe แต่ไม่ได้เสิร์ฟเครื่องดื่มผ่านอุ้งตีนหมีในรูโพรงแต่อย่างใด บางแห่งนำร้านสไตล์นี้มาเปิดเหมือนคอนเซปต์ร้านกาแฟทั่วไป ไม่มีอุ้งตีนหมี มีแต่ 'มือคน' มาเสิร์ฟแทน อาจมองว่าการเสิร์ฟกาแฟผ่านรูโพรงเป็นกิมมิคทางการตลาดอีกแบบหนึ่ง จึงอยากให้ลูกค้าสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่
ร้านวอลล์ไซด์ ในเมืองมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นอีกสไตล์ของร้านกาแฟกำแพงมีรู ใช้มือคนเสิร์ฟกาแฟผ่านรูโพรงในกำแพง (ภาพ : facebook.com/Wallside)
อย่างในฟิลิปปินส์ ก็มีร้าน 'มาโมนาคู โคฮิ' (Mamonaku Kohi) ที่บอกว่าเป็นร้านกาแฟเย็นสไตล์ญี่ปุ่น มีทำเลที่ตั้งอยู่ในกรุงมะนิลาและเมืองเกซอน ซึ่งมีทั้งร้านแบบกำแพงมีรูและแบบเปิดโล่งเหมือนร้านกาแฟทั่วไป ในส่วนที่เป็นร้านแบบกำแพงมีรูก็ใช้มือคนเสิร์ฟ ไม่ได้สวมถุงมืออุ้งตีนหมีที่มีขนปกปุยแต่อย่างใด
อีกร้านในแดนตากาล็อกก็คือ ร้าน 'วอลล์ไซด์' (Wallside) ที่สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกลางเดือนตุลาคมนี้เอง เพิ่งเปิดร้านแรกในแบบโฮล อิน เดอะ วอลล์ ที่เมืองมินดาเนา แต่ถ้าลูกค้าสั่งเครื่องมาแล้วเกิดอยากนั่งขึ้นมา ร้านนี้ก็มีบริการเสริมพิเศษ คือ ให้เดินหิ้วกาแฟไปนั่งในร้านข้าง ๆ ได้
ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย มีร้านกาแฟชื่อ 'จัมบู' (Jamboo) เป็นรูปแบบโฮล อิน เดอะ วอลล์ เช่นเดียวกัน และเท่าที่ผู้เขียนจำได้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ของไทยเรา ก็มีร้านสไตล์นี้อยู่เช่นกัน แต่ไม่แน่ใจว่ายังเปิดบริการอยู่หรือไม่
ไม่มีประตู, ไม่มีหน้าต่าง, ไม่มีที่นั่ง และไม่มีห้องน้ำ เสิร์ฟเครื่องดื่มและเบเกอรี่ผ่านทางรูโพรงในผนังกำแพง นี่แหละครับรูปแบบอันหลากหลายของร้านกาแฟสไตล์ 'โฮล อิน เดอะ วอลล์' หรือที่ผู้เขียนชอบเรียกว่าร้านกาแฟกำแพงมีรูนั่นเอง
....................................
เขียนโดย : ชาลี วาระดี