'ภาวะโลกร้อน' ส่งผลต่อ 'ธุรกิจไวน์' และ 'วิถีแห่งไวน์' ที่เปลี่ยนไปในปี 2025
'ไวน์' เครื่องดื่มยอดนิยมสุดคลาสสิก แม้ในปีที่ผ่านมา 'ภาวะโลกร้อน' ส่งผลกระทบต่อการปลูกองุ่น ตามด้วยผลผลิตไวน์ทั่วโลก คนในวงการไวน์คาดการณ์ว่า 'ธุรกิจไวน์' จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2025
จากรายงานของ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (The World Meteorological Organization) ระบุว่า ปี 2024 อุณหภูมิสูงขึ้นเฉลี่ย 1.5 องศาเซลเซียส ร้อนที่สุดในรอบสิบปี
ภาวะโลกร้อน ส่งผลถึงสภาพอากาศแปรปรวน เช่น อากาศแห้งแล้ง คลื่นความร้อน ฝนตกหนัก ภาวะเยือกแข็ง ฯลฯ องุ่นสายพันธุ์ต่าง ๆ ล้วนประสบปัญหาแตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ ส่งผลให้รสชาติองุ่นเปลี่ยน เมื่อปลายปีที่แล้วคนทำไวน์บอกว่า ธุรกิจไวน์ ปี 2025 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อการปลูกองุ่นทำไวน์ (Cr.divinea.com)
สำนักข่าว Bloomberg รายงานเรื่อง The Six Biggest Ways Wine Will Change in 2025 หรือ 6 วิถีแห่งไวน์ที่จะเปลี่ยนไปในปี 2025 จาก ภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลให้ ธุรกิจไวน์ เปลี่ยนไป
แม้ว่าผู้ปลูกองุ่นหลายราย ตั้งรับ สภาวะโลกร้อน ไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น ไวน์เมกเกอร์ชาวเยอรมัน Klas Peter Keller ไปปลูกองุ่นรีสลิ่ง (Riesling) ในนอร์เวย์ และไวน์แดงผลผลิตจากไวเนอรีที่ฟิงเกอร์เลค (Finger Lakes) ก็มีรสชาติที่ดีขึ้น
หรือ LVMH เจ้าของสินค้าลักซ์ชัวรีที่ลงทุนมหาศาลไปกับไร่องุ่น รวมถึง แชมเปญ เทลมองต์ จากฝรั่งเศสก็ลงทุนกับการปลูกองุ่นออร์แกนิค ตั้งเป้าให้เป็นไวเนอรีที่เป็นเซอร์ทิฟายด์ออร์แกนิคภายในปี 2031
แต่ละปีไวเนอรีหลายแห่งตั้งใจปลูกองุ่นอย่างยั่งยืน เป้าหมายเน็ต-ซีโร หรือลดการปล่อยคาร์บอน เช่นปีที่แล้ว ไวเนอรี Greek estates เข้าร่วมกับ International Wineries for Climate Action organization เพื่อผลผลิตองุ่นออร์แกนิค
วิถีแห่งไวน์ในปี 2025 เปลี่ยนแปลงแน่นอน ส่วนหนึ่งคือคนดื่มไวน์ลดลงด้วย จากรายงานของ Jon Moramarco ผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัยการตลาด bw166 พูดถึงวัฒนธรรมป๊อปรุ่นใหม่ที่แสดงออกถึงความต้องการดื่มไวน์ลดลง จากการ์ตูนซิทคอม The Simpsons ตอนล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว พูดถึงไวน์เบอร์กันดีปลอมมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ ออกแนวเสียดสีคนดื่มไวน์ และกลายเป็นเรื่องขบขันเม้ามอยกันในวงการเครื่องดื่ม
ผู้อยู่ใน ธุรกิจไวน์ ยอมรับว่า ทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์คนดื่มไวน์ลดลง สาเหตุใหญ่มาจากค่าครองชีพ นิสัยการกินดื่มแนวใหม่ ความกังวลเรื่องสุขภาพ รวมถึงนโยบายทางการเมืองในบางประเทศ ล้วนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไวน์ในปี 2025
ไวน์ไร้แอล (Cr.sansdrinks.com.au)
วิถีแห่งไวน์ที่จะเปลี่ยนไปในปี 2025
1) ไวน์ไร้แอล (No-alcohol) หรูและแพง
ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตไวน์ระดับท็อปหลายรายเริ่มเข้าสู่วงการ ไวน์ไร้แอล ระดับพรีเมียม เล่าว่ารสชาติดีกว่า ในขวดที่เซ็กซี่กว่า เช่น French Bloom La Cuvee วินเทจ 2022 ราคา 120 ยูเอสดอลลาร์ โดยแชมเปญเมกเกอร์, Missing Thorn ไวน์แดงจากไวน์เมกเกอร์ชื่อดัง Aaron Pott จากนาปา แวลลีย์
ล่าสุด ไวน์บอร์กโดซ์ จาก 2 ชาโตฝั่งขวาเตรียมผลิตไวน์ไร้แอลฉลากใหม่ และเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ไวน์เมกเกอร์ในบอร์กโดซ์แนะนำไวน์ไร้แอลในร้านขายไวน์ครั้งแรก รวมถึงในอิตาลี กระทรวงเกษตรของอิตาลียอมรับกฎหมายผลิตไวน์ไร้แอลกอฮอล์
La Cuvee วินเทจ 2022 แอลกอฮอล์ 0%
ทั้งหมดเพื่อตอบโจทย์ผู้ดื่มที่ต้องการเครื่องดื่มไร้แอล เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ ส่วนหนึ่งก็มาจากผลสำรวจระหว่างปี 2022-2024 ของ IWSR พบว่าผู้บริโภคยุคใหม่ 61 ล้านคน ซื้อไวน์ไร้แอลเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่างานแสดงสินค้า Wine Paris ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะมาถึงนี้เราจะเห็นไวน์ไร้แอลอีกหลายแบรนด์
2) ไวน์ขาวแซงหน้าไวน์แดง
ปี 2024 ไวน์ขาวเริ่มแซงหน้าไวน์แดง โดยเฉพาะไวน์ขาวจาก องุ่นเชอแนง บลองก์ (chenin blanc) ทั่วโลกความนิยมไวน์ขาวเพิ่มขึ้น เช่น โซวีญยอง บลองก์, ปิโนต์ กริจิโอ, ไวน์ขาวจากองุ่นมาลเบคจากอาร์เจนตินา และไวน์ขาวปิโน นัวร์ จากโอเรกอน
องุ่นเชอแนง บลองก์ (Cr.the-winestore.com)
ปี 2025 ไวน์ขาวที่มาแรงที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง ได้แก่ เชอแนง บลองก์ ไวน์ขาวดรายที่เบลนด์กับโซวีญยอง บลองก์ หรือกับองุ่นชาร์โดเนย์ ส่วนผสมที่ให้ความรู้สึกสดชื่นแต่ซับซ้อนและราคาย่อมเยา
ในลัวร์แวลลีย์ คนทำไวน์วางแผนปลูกองุ่นโซวีญยอง บลองก์ เพิ่มขึ้น และองุ่นเชอแนง บลองก์ จะรักษาความสดชื่นและแอสิดของไวน์ได้ท่ามกลางภาวะโลกร้อน บรรดาไวน์เมกเกอร์ใน Bourgueil ตอนกลางของลัวร์แวลลีย์ ที่มีชื่อเสียงจากไวน์แดงทำจากองุ่นกาแบร์เนต์ ฟรองก์ เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วก็วางแผนจะปลูกองุ่นเชอแนง บลองก์ เพิ่มขึ้น
องุ่นโซวีญยอง บลองก์ Cr.wineaustralia.com)
องุ่นเชอแนง บลองก์ จะกลับมาอีกครั้งในแคลิฟอร์เนีย เช่นเดียวกับชาโตยักษ์ใหญ่ในรัฐวอชิงตัน ที่สรรหาพื้นที่เพื่อปลูกองุ่นทำไวน์ขาวเพิ่มขึ้น
สอดคล้องกับข้อมูลจาก SipSource ที่เก็บตัวเลขจากร้านขายไวน์ในอเมริกา พบว่า ผู้ผลิตปลูกองุ่นที่ใช้ทำไวน์ขาวเพิ่มขึ้น เช่นปลูกองุ่นปิโนต์ กริจิโอ ในนาปาแวลลีย์
ไร่องุ่นในนาปา แวลลีย์ (Cr.Courtesy of Alila Napa Valley)
3) ราคาไวน์นำเข้าแพงขึ้น
หลังเลือกตั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์กลับมาครองตำแหน่ง ราคาสินค้านำเข้ามีแนวโน้มแพงขึ้นจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น 10-20% รวมถึงไวน์นำเข้า ส่งผลให้ราคาไวน์ในร้านขายปลีกแพงขึ้น ตามร้านอาหารด้วย สุดท้ายไปถึงผู้บริโภค ผู้ผลิตไวน์ในอเมริกายังต้องจ่ายค่าขวดและจุกคอร์กนำเข้าอีก
ไวน์มาคอน (Macon) จากตอนใต้ของเบอร์กันดีจะขึ้นราคา จากที่เคยจ่าย 20 ดอลลาร์ อาจขึ้นเป็น 25 ดอลลาร์หรือแพงกว่านี้อีก เชื่อว่าก่อนทรัมป์จะเซ็นขึ้นภาษี นักดื่มอาจเก็บสะสมไวน์ในช่วงนี้มากหน่อย
ไวน์ไพรเวท-เลเบล (Cr.supermarketnews.com)
4) ความนิยมในไวน์ฉลากส่วนตัว
คนรักไวน์จะสรรหา ไวน์ฉลากส่วนตัว หรือ ไวน์ไพรเวท-เลเบล (private-label) และ NDA (Non-disclosure agreement) ไวน์ที่ออกแบบเฉพาะมากขึ้น เช่น ตระกูล Cipriani ในอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องโปรเซคโค สร้างไวน์ฉลากใหม่ที่นิยมเอาไปทำค็อกเทลเบลลินี และโด่งดังใน Harry’s Bar ตอนนี้ไปดังในอเมริกาแล้ว
เทรนด์ไวน์ฉลากส่วนตัว จะวางขายมากขึ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกา ตามร้านอาหารและในร้านขายปลีก โรงแรมและคลับต่าง ๆ ไวเนอรีดัง ๆ ก็หันไปทำไวน์ฉลากพิเศษมากขึ้น ทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว โรเซ่ และสปาร์คกลิ้ง คาดการณ์ว่าปี 2025 จะเป็นปีแห่งการแข่งขันของไวน์ไพรเวท-เลเบล ซึ่งมีตัวเลขสูงขึ้น 12% ภายใน 52 สัปดาห์ สำรวจเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2024
ไวเนอรีชื่อดังออกแบบไวน์แบบไพรเวท-เลเบล เพื่อไม่เปิดเผยชื่อแบรนด์และกันไวน์ออกสู่ตลาดมากเกินไป หลายฉลากเป็นคัลท์ไวน์ ใครสนใจหาข้อมูลได้จาก Wine Access ซึ่งจะเผยชื่อไวน์ฉลากส่วนตัวจากนาปาไวเนอรี
ชิมไวน์ที่ไวเนอรี (Cr.plwtnapa.com)
5) ดื่มไวน์ที่ไวเนอรีและไวน์บาร์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
คนรักไวน์ยุคนี้นิยมไปดื่มไวน์ถึงไวเนอรี เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ หรือไม่ก็แวะไปไวน์บาร์เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เทรนด์นี้ส่งผลให้ไวเนอรีหลายแห่งจัดสถานที่เพื่อไวน์เทสติ้ง หรือเป็นที่พบปะสังสรรค์ ในบรรยากาศรื่นรมย์ ตั้งแต่โซโนมาเคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย และเบลลาไวเนอรี ที่จัดเทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่น ไวน์เทสติ้ง และนอนพักในรีสอร์ทสวย ๆ
ตามไวน์บาร์ก็ได้ไอเดียนี้เพิ่มบรรยากาศให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สร้างสีสันอารมณ์ของการกินดื่ม มีอาหารที่ไม่อยู่ในเมนู และไวน์หลากหลาย
ไวน์ในขวดกระดาษทำให้น้ำหนักเบาลง
6) ขวดไวน์เบาลง
ไวน์ดังหลายแบรนด์เริ่มใช้ขวดที่มีน้ำหนักเบากว่าเดิม เหตุผลเพื่อลดคาร์บอน เมื่อขวดเบาลงค่าขนส่งก็ลดลง เชื่อกันว่าถ้าอุตสาหกรรมไวน์ลดน้ำหนักของขวดไวน์และแก้วไวน์ลงได้ จะช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 29-50% ตอนนี้ไวน์ราคาย่อมเยาก็เริ่มมองหาขวดที่เบาลง
ตัวอย่างเช่น ชาโต ปองเตต์-คาเนต์ 2022 (Chateau Ponte-Canet) ไวน์จากบอร์กโดซ์ในขวดมาตรฐาน 780 มิลลิลิตร มีน้ำหนัก 315 กรัม (0.69 ปอนด์) เบากว่าในอดีต ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 39%
Chateau Pontet-Canet ลดน้ำหนักของขวดลง
ไวน์ Zuccardi วินเทจ 2022 ในอาร์เจนติน่า สามารถประหยัดค่าขนส่ง 200 ดอลลาร์ จากขวดที่เบาลง น้ำหนัก 570 กรัม จากเดิม 990 กรัม
ไวเนอรีบางแห่งเริ่มมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น The Catena Zapata Vista Flores ไวน์มาลเบคในขวดน้ำหนัก 380 กรัม เป็นตัวอย่างที่ทำให้ผู้ผลิตไวน์หลายแห่งเริ่มทำตาม คาดว่าจะเห็นมากขึ้นในปี 2025
ไวน์ในขวดกระดาษ มินิมัลและรักษ์โลก
นอกจากนี้ ขวดรีไซเคิล จะตอบปัญหาโลกร้อน เช่น Frugalpac’s Bordeaus-style คือไวน์ที่ใช้กระดาษรีไซเคิล 94% ในขวดน้ำหนัก 83 กรัม เบาลงกว่าขวดทั่วไปถึง 5 เท่า ในอเมริกาไวน์สีชมพูหรือโรเซ่แบรนด์ Bonny Doon เป็นเจ้าแรกที่เริ่มใช้ขวดน้ำหนักเบาเมื่อปีที่แล้ว ในไวน์ Carbon Nay
ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อวิถีแห่งไวน์ที่จะเปลี่ยนไปในปี 2025
วิถีแห่งไวน์ปี 2025 เปลี่ยนแน่ เมื่ออากาศเปลี่ยน รสชาติองุ่นเปลี่ยน คนปลูกองุ่นต้องปรับตัว เช่นเดียวกับคนรักไวน์ จะดื่มไวน์อย่างรื่นรมย์อย่างไรในปี 2025 คำตอบซ่อนอยู่ในขวด...