'หนุ่มเมืองจันท์' เปิดมุมมอง 'ไม่มีใครไร้ค่า ถ้าอยู่ให้ถูกที่'
‘หนุ่มเมืองจันท์’ นำข้อคิดที่ได้จากการใช้ชีวิต มาเล่าสู่กันฟัง ในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX 2023) เพื่อให้ทุกคนมีคุณค่า โลกก็น่าอยู่ขึ้น
หนุ่มเมืองจันท์ หรือ สรกล อดุลยานนท์ ปรากฎตัวขึ้นที่เวที SX Talk Stage ในงานมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX 2023)
เพื่อบรรยายในหัวข้อ โลกนี้ไม่มีใครที่ไร้ค่า เพื่อโลกที่ดีกว่าเดิม ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 7 ตุลาคม 2566
จากการเป็นนักข่าวมา 30 กว่าปี ลาออกมาทำหลักสูตรเพื่อผู้บริหาร และเป็นนักเขียน มีผลงาน ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของคนอยู่เมืองจันท์ ที่จะต้องมีสวนผลไม้
"ผมมีสวนผลไม้เก่าแก่ ที่คุณพ่อทำมาตั้งแต่ 40-50 ปีก่อน ครอบครัวผมมีพี่น้อง 6 คน พอคุณแม่เสียก็ทำฮวงซุ้ยที่สวน พ่อบอกว่าจองที่นี่ไว้ด้วย พอคุณพ่อเสียก็อยู่ที่เดียวกับคุณแม่
พ่อบอกลูก ๆ ทุกคนว่าอย่าขายสวนนะ เราก็แบ่งแปลงกันแล้วเริ่มทำสวน พี่น้องส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ ส่วนที่จันทบุรีมีแค่ 2 คน คือพี่สาวกับน้องสาว
น้องสาวเป็นเภสัชกร ที่ รพ.พระปกเกล้า มีตำแหน่งใหญ่โต วันหนึ่งรู้สึกเบื่อ อยากมาอยู่กับธรรมชาติ กลับไปอยู่ที่สวน อยากหายใจได้สะอาด อยากให้คนกินผลไม้ปลอดภัย ก็เลือกแนวทางเกษตรอินทรีย์
เวลาผมกลับไปที่สวน ผมได้ยินเสียงลม อากาศเย็น ๆ นี่คือความสุขที่แท้จริง
อากาศ ลม และลมหายใจ 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกัน ถ้าสวนแห่งนี้ หรือ สวนผลไม้ทุกแห่งใช้สารเคมี สิ่งที่เราหายใจเข้าไปมันก็คือ นรกชัด ๆ
เกษตรอินทรีย์ คือ การเคารพธรรมชาติ เรียนรู้เรื่องดิน เรื่องแมลง เรื่องต้นไม้ ทำปุ๋ยกอง เอาใบไม้ ต้นหญ้ามากอง เอาขี้สัตว์มาโปะ สักพักหนึ่งมันจะกลายเป็นปุ๋ย แล้วเราก็ทำปุ๋ยน้ำ เอาปลามาหมัก ไว้ฉีดพ่น
ตอนเกสรออกมามันจะผสมกันได้ยังไง ต้องมีพาหะ เราก็เลี้ยงผึ้ง เลี้ยงไก่ ไก่จะกินหนอนที่ขึ้นตรงโคนต้นไม้ น้องผมทำมา 3-4 ปื จนมีผลผลิต ทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ"
Cr. Kanok Shokjaratkul
- ประกาศนียบัตร ออร์แกนิคไทยแลนด์
ความมุ่งมั่นตั้งใจของน้องสาวหนุ่มเมืองจันท์ สัมฤทธิ์ผลขนาดได้ใบประกาศนียบัตรออร์แกนิคไทยแลนด์ (Organic Thailand)
"มีกรรมการมาตรวจสวนอย่างละเอียด ดูกระบวนการทั้งหมดใช้สารเคมีหรือเปล่า ดูแนวกันชนระหว่างสวนนี้กับสวนเคมีว่ามีต้นไม้ใหญ่ที่ป้องกันสารเคมีมาได้หรือเปล่า ดูว่าเราใช้ปุ๋ยแบบไหน เกือบสองปีกว่าจะได้ใบประกาศนี้มา
เมื่อผลผลิตออก ก็เอาผลไม้ไปขายที่ล้ง เราไปต่อคิวกัน มีคนมาคัดทุเรียน คัดมังคุด ว่าใครอยู่เกรดไหนเขาจะดูที่เปลือก ไม่ดูที่เนื้อ เปลือกสวย ผิวสวย ขนาดใหญ่ อยู่เกรด ABC
แต่มังคุด ทุเรียน ของเราเป็นเกษตรอินทรีย์ ผิวไม่สวย มีลาย ล้งไม่สนใจว่าเราได้ออร์แกนิคไทยแลนด์มาหรือเปล่า เกษตรอินทรีย์ เป็นความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ความยั่งยืนทางรายได้
ผมจึงชวนน้องเลิกขายล้ง มาขายออนไลน์ จากที่ยก 40 เข่งไปที่ล้งทีเดียวได้เงินเลย
มาขายออนไลน์เป็นลัง ๆ ต้องมาบรรจุ และมีกระบวนการมากมาย ถามน้องว่าจะเอาไหม"
- เปลี่ยนมาขายออนไลน์
การขายออนไลน์ ยุ่งยากกว่าขายที่ล้ง แต่หนุ่มเมืองจันท์มีข้อได้เปรียบ เพราะเคยขายหนังสือออนไลน์ทางเพจตัวเองมาก่อน
"ข้อดีของการขายออนไลน์คือ มันเล่าเรื่องได้ บอกว่าสิ่งที่เราทำมันคืออะไร ให้เห็นคุณค่า เกษตรอินทรีย์ได้
เรามีแฟนเพจอยู่สามแสนคน การบอกเล่าในคนรู้จักกัน มันน่าเชื่อถือกว่าคนที่ไม่รู้จักกัน
ผมเชื่อว่า มันน่าจะขายได้ เพราะสวนสันติเกษตรอินทรีย์ ของผมมีจุดขายคือ
1) เป็นผลไม้อินทรีย์ปลอดภัยแน่นอน สามารถแทะเปลือกได้
2) ผมเป็นนักเขียน มันมีคุณค่าบางอย่างที่แฟนเพจอยากได้
ในลังนอกจากจะมีผลไม้แล้วยังมี จดหมายรัก ที่ผมเขียนถึงแฟนเพจทุกคน เล่าเรื่องราวของสวนแปลงนี้ที่เกิดขึ้นจากความรักของพ่อ ความรักของน้องที่รักชีวิตและสุขภาพของตัวเอง อธิบายเรื่องผิวผลไม้มีลายได้ด้วย
เวลาเราจะส่งของให้ใคร ถ้าเราคิดว่าเขาเป็นเพื่อน เราจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเขา
น้ำหนักเราก็ให้เกินไปเลย เพราะระหว่างทางน้ำมันจะระเหย ทำให้น้ำหนักมันลดลง
ไม่ต้องมาเถียงกันว่าตอนส่งชั่งเท่านี้ตอนรับชั่งเท่านี้ วิธีการคือ ให้เกินไปเลย ถ้าชั่งแล้วยังเกินอยู่ให้ถือว่าเป็นกำไร
หลังจากเตรียมพร้อมแล้วก็โพสต์ขาย ทุเรียนร้อยกล่อง โพสต์แรกใช้เวลา 1 นาที ผมตกใจไม่แน่ใจเกิดอะไรขึ้น
พอครั้งที่สองผมก็เอาใหม่ ขายหมดในเวลา 15 วินาที ดีใจ แต่ก็เสียว ๆ เหมือนกัน
เพราะอะไรที่จองซื้อยาก คนจะคาดหวังสูง ผมเลยทำในสิ่งที่พ่อค้าไม่ทำคือ ด้อยค่าสินค้าตัวเอง
เขียนบอกว่า ทุเรียน มังคุดผมมันธรรมดา บ้าน ๆ ไม่ได้เลิศเลออะไร อย่าคาดหวังสูงนะครับ
อีกอย่าง เรามีบริการหลังการขาย เคลมได้ ถ้าได้สินค้าไม่ดี ผมส่งมังคุดให้ใหม่เลย สิ่งนี้ทำให้ผมได้เพื่อน
คำขอบคุณตีค่าเป็นเงินไม่ได้ แต่มีคุณค่าทางใจมาก
ตอนขายมังคุดใหญ่ เราใส่มังคุดเล็กลงไปด้วย ก็มีคนชอบมังคุดจิ๋ว ทำให้ขายมังคุดจิ๋วได้ในราคาเท่ามังคุดใหญ่ แล้วขายหมดก่อนมังคุดใหญ่เสียอีก
สิ่งที่ภาคภูมิใจคือผมขายทุเรียนหล่นได้ ทุเรียนสุกแล้วร่วงจากต้น เนื้อมันจะนิ่ม คนจันทบุรีรุ่นผม คนใต้ คนมาเลเซีย ชอบกินทุเรียนนิ่ม
บางคนแกะเนื้อมาขยำ ๆ กับข้าวเหนียวแล้วกิน อร่อยมาก ปรากฎว่ามีคนกลุ่มหนึ่งแย่งซื้อทุเรียนหล่น"
Cr. Kanok Shokjaratkul
- ทุกอย่างมีค่าในตัวของมันเอง
ประสบการณ์ขายของออนไลน์เริ่มพัฒนาขึ้น เมื่อขายไปเรื่อย ๆ
"จากปีแรกที่เราทำมา ปีหลังก็เริ่มใช้กล่องของตัวเอง มีเขียนข้อความต่าง ๆ มีตรา Organic Thailand ที่เราได้
ทำโรงเรือนที่สวน เพื่อให้มีที่แพ็คของได้ง่ายขึ้น ทำบันไดขึ้นไปดาดฟ้า เพื่อให้ถ่ายรูปออกมาแล้วเห็นภูเขาไกล ๆ
คนสวนชอบมาก ชอบไปกินหมูกะทะที่ดาดฟ้า เพราะวิวมันสวยมาก นี่คือความสุขทางใจ ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจเลย
เวลาพูดถึง ความยั่งยืน คนมักถึงสิ่งแวดล้อม แต่จริง ๆ แล้ว ความยั่งยืนมี 3 อย่าง
1) ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
2) ความยั่งยืนทางรายได้
3) ความยั่งยืนทางความสุข
เราต้องมีความสุขในสิ่งที่เราทำ ผมสามารถเอาพี่น้องวัยใกล้เกษียณหลาย ๆ คนมาอยู่ร่วมกัน มาทำอะไรด้วยกันได้
พี่สาวกับหลานสาวก็มาช่วยแพ็ค ทั้งสองชอบวาดการ์ตูนก็วาดลงไปในกล่อง คนได้รับก็บอกว่าน่ารักมาก
Cr. Kanok Shokjaratkul
โลกแห่งความสุข มันมีคุณค่ามากกว่าเม็ดเงิน เราต้องหาให้เจอ
ทุเรียนกับมังคุดที่ผิวไม่สวย เปลือกลาย อยู่ในล้งมันไม่มีคุณค่า แต่มาอยู่เกษตรอินทรีย์ก็ขายออนไลน์ได้ มีค่าขึ้นมาทันที
ถ้าเราอยู่ในที่เหมาะสมเราก็มีคุณค่า โลกนี้ไม่มีอะไรที่ไร้ค่า ขอเพียงแค่คุณหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้เจอ
บางทีความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าเพราะว่าเราอยู่ผิดที่
แต่ถ้าเปลี่ยนตำแหน่งการยืนใหม่ มาอยู่ในกลุ่มที่รักเราและเห็นคุณค่าของเรา เราจะเป็นคนที่มีคุณค่าทันที"
