“The Raintree Hotel Chiang Mai” โรงแรมสไตล์อังกฤษที่กลับมาแล้วยังคิดถึง
จากทางผ่านกลายเป็นหมุดหมายหลัก "The Raintree Hotel Chiang Mai" คือ "โรงแรมเชียงใหม่" ที่มีดีด้วยตัวเองและทำเลที่ตั้ง เป็นสุดยอดการพักผ่อนที่ทำให้ใครมาก็อยากกลับไปอีก
ตำนานของถนนสายสำคัญของเชียงใหม่ในอดีตที่เต็มไปด้วยโรงแรมที่พักคือ ทุ่งโฮเต็ล ตลอดหลายปีมานี้โซนที่พักยอดนิยมอาจไปกระจุกตัวอยู่แถบถนนนิมมานเหมินทร์หรือละแวกอื่น แต่ ณ ตอนนี้ย่านเจริญเมืองวัดเกต หรือ “ทุ่งโฮเต็ล” กำลังกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ปัจจุบันมีร้านรวงรวมถึงโรงแรมเปิดให้บริการอย่างหนาตา เปลี่ยนทางผ่านของใครหลายคนให้กลายเป็นชุมทางของการพักผ่อนไม่ว่าจะกิน ดื่ม หรือที่พัก หนึ่งในโรงแรมที่น่าสนใจมากคือ The Raintree Hotel Chiang Mai (ดิ เรนทรี โฮเทล เชียงใหม่) โรงแรมขนาดกำลังพอเหมาะที่มีจุดเด่นคือต้นฉำฉายักษ์อายุ 150 ปีที่หน้าโรงแรมยังคงตระหง่านให้ร่มเงา และเป็นแลนด์มาร์คของโรงแรมด้วย
โรงแรม The Raintree Hotel Chiang Mai ถือเป็นน้องใหม่ เพราะเพิ่งจะเปิดได้ครบขวบปี หลังจากก่อนหน้านี้เคยเป็นอาคารที่ปล่อยเช่ารายเดือน กระทั่งได้รับการปรับปรุงแบบยกเครื่องเป็นโรงแรมที่ทั้งสวยและอบอุ่นอย่างที่เห็น
กฤศ์นัฐ พันธ์รัตนมงคล กรรมการผู้จัดการ The Raintree Hotel Chiang Mai เล่าว่า เขาคือลูกครึ่งกรุงเทพ-เชียงใหม่ ทำให้มีช่วงชีวิตวัยเด็กที่ไปๆ มาๆ จังหวัดนี้ตลอด จนกระทั่งได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษจึงค่อยๆ ห่างจากเชียงใหม่ไป แต่พอกลับจากเรียนที่ประเทศอังกฤษ ด้วยความที่สนใจด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นทุนเดิม เลยต้องการมาพัฒนาอาคารหลังนี้ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมรายละเอียดของโรงแรมนี้จึงมีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมอังกฤษ
“ด้วยความที่เราอยู่อังกฤษมา พอมองอาคารนี้ เห็นจั่วหน้าหกเหลี่ยมก็คิดว่ามันคล้ายๆ สถาปัตยกรรมแบบแอดวาเดียน เราเลยทำสถาปัตยกรรมกึ่งอังกฤษ โดยออกแบบเอง ดีไซน์เองตั้งแต่เบื้องต้น
เรารีโนเวทจากโครงสร้างเดิม แล้วระบบทั้งหมดเราเดินใหม่หมด พวกไฟ สปริงเกอร์ เราเป็นเหมือนๆ กึ่งผู้รับเหมาหลักเอง ดีไซน์เอง ตรวจแบบเอง มีวิศวกรดู แต่เราก็ต้องดูอีกทีหนึ่ง ทุกตารางนิ้วผมดูเองหมด ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างเราไม่ได้ทำให้เป็นแอดวาเดียนจ๋าๆ แต่เราก็ล้อกับสถาปัตยกรรมยุคนั้น”
เรื่องความสะดวกสบายในฐานะโรงแรม ถ้าใครให้ความสำคัญกับการนอนที่มีคุณภาพ คงต้องคารวะในความสบายของเครื่องนอนที่โรงแรมนี้ใช้เลยทีเดียว เนื่องจากทุกชิ้นทั้งหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ที่นอน ฯลฯ ได้รับการคัดสรรมาแล้วว่าต้องนอนสบายที่สุดเพื่อให้ทุกคนมีการพักผ่อนดีที่สุด โดยจะบอกว่าเหมือนนอนอยู่บ้านก็ไม่ถูกทั้งหมด เพราะอาจจะรู้สึกสบายกว่าอยู่บ้านเสียด้วยซ้ำ
สำหรับห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 143 ห้อง 8 แบบ แล้วยังแยกย่อยอีกมากมาย ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันแทบจะทุกห้อง มีตั้งแต่ Superior, Deluxe, Premier, Honeymoon Suite, Family, Family Balcony, Family Suite และ Executive Suite
ด้านความยั่งยืนที่นี่ก็โดดเด่นจนได้รับรางวัล Sustainable Practice เพราะใช้ไฟ LED ทั้งหมด เสริมด้วยระบบโซลาร์เซลส์บางส่วน ไม่ใช้ระบบเครื่องปรับอากาศแบบรวม ทั้งเพื่อสุขอนามัยและเพื่อประหยัดพลังงาน นี่คือคาแรกเตอร์ของโรงแรมที่ถูกวางไว้ตั้งแต่ต้น ไม่ให้เป็นโรงแรมหรูหรามาก แต่เป็นโรงแรมที่มีความแกรนด์บูทีก ผสมผสานความน่ารัก และสไตล์ Botanical Vintage ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนผ่านมุมมองต่างๆ ของโรงแรมได้อย่างชัดเจน
นอกจากที่พักจะทั้งสวยและพักผ่อนสบาย จุดแข็งที่หลายคนไม่รู้คือเรื่องอาหาร เพราะที่นี่มีกรรมการผู้จัดการเป็นอดีตเชฟอาหารฝรั่งที่วังดินสอ มีประสบการณ์ทั้งร่วมงานกับเชฟมิชลินและเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองมาก่อน เขาจึงมีบทบาทด้านการดีไซน์เมนูและสูตรอาหารสุดพิเศษที่เขานิยามว่าไม่ใช่ Fusion Food แต่เป็น Progressive Food เน้นการรังสรรค์เมนูที่มีความออริจินัลล้านนา แต่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทั้งวัตถุดิบหลัก พืชผักพื้นเมือง ไปจนถึงเครื่องเทศอันเป็นเครื่องปรุงลับ เพื่อสร้างกลิ่น รส และประสบการณ์ใหม่ๆให้แต่ละเมนู
เช่น พาสต้าที่ใช้เส้นข้าวซอยพม่ามาผสมผสานกับอ่องปู หรือใช้น้ำปู๋มาทำผัดขี้เมา เป็นต้น ที่แน่นอนว่าจะไม่ใช่รสชาติอาหารฝรั่งที่ชาวต่างชาติคุ้นเคย แต่เป็นรสชาติที่ผ่านกระบวนการคิด สร้างสรรค์ จนเป็นรสชาติและสัมผัสที่ลงตัวในแบบที่คนไทยก็กินได้โดยไม่รู้สึกเลี่ยนปาก ฝรั่งกินได้โดยไม่ประหลาดลิ้น
เรื่องวัตถุดิบที่ใช้โดยสนับสนุนจากท้องถิ่น สอดคล้องกับเรื่องความยั่งยืนซึ่งโรงแรมให้ความสำคัญมาก ยกตัวอย่างน้ำผึ้งที่ใช้ก็เลือกใช้น้ำผึ้งหินลาดใน เป็นน้ำผึ้งคุณภาพเยี่ยมที่มีกระบวนการเก็บน้ำผึ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือไม่ทำลายรังผึ้ง แม้จะมีต้นทุนสูงสักหน่อยแต่จะเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดความยั่งยืน
ไม่ได้มีเพียงประสบการณ์ด้านอาหารที่โรงแรม “The Raintree Hotel Chiang Mai” จะมอบให้ แต่ด้วยทำเลที่ตั้งบนถนนทุ่งโฮเต็ล นี่คือจุดขายสำคัญหลังจากที่ถนนสายนี้พลิกโฉมจากแหล่งท่องเที่ยวหน้า B สู่การเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารอร่อยๆ, คาเฟ่เก๋ๆ, บาร์ลับ (และไม่ลับ) ทำให้จากโรงแรมไปยังร้านต่างๆ สะดวกสบายและใกล้มากๆ เสมือนถูกรายล้อมด้วยของดีของเด็ด แทบจะไม่ต้องขับรถฝ่าการจราจรหรือไปไกลๆ เพื่อแสวงหาของกินอร่อยๆ เพราะที่นี่มีครบหมด
ส่วนเรื่องการเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยความที่ถนนสายนี้เป็นดั่งด่านหน้า เป็นดั่งประตูสู่เชียงใหม่ จากโรงแรมจึงไปยังที่อื่นๆ ได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะไปแม่ริม, ไปแม่กำปอง, เข้าเมือง รวมถึงห้างดังก็อยู่ใกล้สุดๆ เรียกได้ว่ารอบทิศทางคือถนนที่มุ่งหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของเชียงใหม่ที่แทบจะไม่ได้เจอรถติดหนักๆ เลยด้วยซ้ำ
หรือคนที่ไม่ได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใกล้ๆ โรงแรมคือสถานีรถไฟ และยังมีรถแดงผ่านละแวกนี้ตลอด
ด้วยความน่าสนใจต่างๆ นานา ทำให้ที่นี่ได้รับเลือกเป็นสถานที่เก็บตัวและทำกิจกรรม Miss Grand Chiang Mai 2023 ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่ได้มีสายสัมพันธ์กับคณะผู้จัดการประกวดมาก่อน แต่ได้รับเลือกจากความน่าสนใจล้วนๆ
ต้องยอมรับจากที่เคยมองที่พักไม่ในเมืองก็ออกไปยังอำเภออื่นๆ ของเชียงใหม่ หลังจากได้มีประสบการณ์การพักผ่อนที่นี่ ทั้งการเดินทางไปไหนมาไหน ได้ลิ้มรสชาติอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ และได้มีช่วงเวลาการนอนที่มีคุณภาพมากๆ ตอนนี้ชื่อของโรงแรม The Raintree Hotel Chiang Mai ได้ถูกบรรจุในโรงแรมในดวงใจไปแล้ว และนึกถึงทีไรก็อยากกลับไปพักผ่อนใต้ร่มเงาต้นฉำฉาอีกครั้ง
จุดเด่น : โรงแรมสวยสไตล์อังกฤษ มีห้องพักหลากหลายแบบ ราคาห้องไม่แพง พักผ่อนสบายมาก อาหารอร่อย ใกล้ร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยว เดินทางสะดวกสบาย
ที่ตั้ง : บนถนนทุ่งโฮเต็ล วัดเกต จ.เชียงใหม่ ใกล้สถานีรถไฟเชียงใหม่
ราคา : 1,200 – 4,000 กว่าบาท แล้วแต่ช่วงฤดูกาลและโปรโมชัน
ติดต่อ : สำรองห้องพัก ประชุม งานเลี้ยงสังสรรค์ ราคาพิเศษได้ที่ฝ่ายขาย โทร. 09 5141 0424 หรืออีเมล [email protected]