อยากเข้าป่า ไม่ต้องไปไหนไกล! โมเมนต์ที่ใช่ 'ป่าในกรุง' ก็แค่ปากซอย

"ปีท่องเที่ยวไทย 2566" ถือเป็นแผนส่งเสริมและการกระตุ้นการท่องเที่ยวของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ผนวกกับกระแสรักษ์โลกที่ผู้คนหันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและมองหาที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติมากขึ้น สำหรับใครที่เวลามีน้อย ไม่อยากเดินทางไกล แต่อยากสูดอากาศดีๆ พักกาย ฮีลใจกับธรรมชาติสีเขียว ก็สามารถไปเที่ยวป่าในกรุงได้ที่ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 2 ระหว่างซอย 23 และซอย 25 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ

ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง เป็นพื้นที่ขนาด 12 ไร่ จากเดิมที่เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและเป็นแหล่งทิ้งขยะ นำมาออกแบบจัดสรรพื้นที่ ด้วยแนวความคิด "สร้างป่าให้กับคนกรุงเทพฯ" แบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วนคือ พื้นที่ปลูกป่ากว่า 9 ไร่ หรือราว 75% ของพื้นที่ พื้นที่แหล่งน้ำ 1 ไร่ หรือประมาณ 10% และพื้นที่อาคารเพื่อการเรียนรู้ 2 ไร่ หรือประมาณ 15% ซึ่งจะเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อให้คนกรุงทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่า ได้ศึกษาสร้างความตระหนักและร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน

ย้อนภาพป่ากรุงเทพฯ ในอดีต

ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง เป็นการสร้าง "ป่านิเวศ" ที่จำลองป่ากรุงเทพฯ ในอดีต โดยปลูกในลักษณะเลียนแบบป่าธรรมชาติ ประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้พื้นเดิมของกรุงเทพฯ และพันธุ์ไม้หายากกว่า 270 ชนิด ใช้กล้าไม้กว่า 40,000 ต้น ผสมผสานทั้งกลุ่มพันธุ์ไม้โตเร็วที่ช่วยสร้างร่มเงา และพันธุ์ไม้โตช้าหลากหลายชนิด 

เมื่อเดินเข้ามาในพื้นที่ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง จะพบกับอาคารแสดงนิทรรศการโครงการ ป่าในกรุง ก่อสร้างด้วยดินผสมสีธรรมชาติ กำแพงดินสูง ช่วยบดบังแสงแดด ต้นไม้เลื้อยลงมาเป็น หลังคาเขียว (Roof Garden) จุดที่หลายๆ คนต้องแวะถ่ายรูป และสัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายโดยธรรมชาติ แตกต่างจากตึกที่ก่อสร้างด้วยปูนก่ออิฐทั่วไป ภายในห้องแสดงนิทรรศการ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย

• ส่วนที่ 1 ประวัติความเป็นมา ทฤษฎีการปลูกป่า และทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ 9 
• ส่วนที่ 2 ห้องแสดงภาพยนตร์สั้น บอกเล่าเรื่องราวและเสริมสร้างจิตสำนึกในการปลูกป่า ซึ่งจะอธิบายถึงวิธีการปลูกป่าของโครงการป่าในกรุง โดยใช้หลักทฤษฎีของ ศ.ดร.อากิระ มิยาวากิ นักสร้างป่านิเวศชาวญี่ปุ่นที่ใช้กับโครงการปลูกป่าทั่วโลกกว่า 1,500 แห่ง โดยหลังจากชมภาพยนตร์สั้นจบ ด้านหลังจอภาพยนตร์จะเป็นประตูเปิดออกสู่พื้นที่ 
• ส่วนที่ 3 คือพื้นที่ป่าและเส้นทางเดินสกายวอล์กดื่มด่ำกับธรรมชาติสีเขียวขึ้นไปยังชั้นบนสุดเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา           

สัมผัสธรรมชาติมุมใหม่แปลกตา

ระหว่างทางเดินสกายวอล์กที่เพิ่มระดับความสูงไปเรื่อยๆ ตามความสูงของพันธุ์ไม้ ระยะทาง 200 เมตร มีระดับความสูงอยู่ 5 ระดับ ถือเป็นไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลยจริงๆ เพราะเราจะได้สัมผัสธรรมชาติสีเขียวในมุมที่แตกต่าง เดินลอยอยู่เหนือยอดไม้ ฟังเสียงนก เสียงธรรมชาติ ท่ามกลางทัศนียภาพที่แปลกตา เดินบนนี้จะได้เห็นวิวสวยๆ ในโครงการ และยังมีโอกาสเห็นนกหลายชนิดที่อาศัยบนยอดไม้

อีกหนึ่งจุดชมวิวที่ห้ามพลาดคือ หอคอย สูง 23 เมตร ที่เป็นจุดเด่นของ ป่าในกรุง นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา รอบโครงการป่าในกรุง และยังเห็นหมู่บ้าน ชุมชน ที่อยู่รอบๆ ป่าในกรุงอีกด้วย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ที่นี่มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะ แต่มีข้อห้ามคือ ห้ามถ่ายรูปรับปริญญา ห้ามถ่าย Pre-Wedding และห้ามถ่ายแฟชั่น

"ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง" นอกจากสวย รื่นรมย์แล้ว ยังได้ความรู้เรื่องนิเวศกลับบ้านด้วย ตอบโจทย์สำหรับการเป็น High Value and Sustainable Tourism ที่ ททท. ตั้งเป้าเอาไว้ เพราะ High Value ทางด้านความรู้ และเป็นพื้นที่ป่าสีเขียว ที่สนับสนุนการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) ได้จริงๆ ที่สำคัญ คือ เดินทางสะดวก หากบอกว่า "ป่าในกรุง.. ก็แค่ปากซอย" ก็คงไม่ผิดอะไร 

ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง เปิดให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) โดยแบ่งเป็น 2 รอบ ต่อวัน รอบเช้า 09.00-12.00 น. และรอบบ่าย 13.00-16.00 น. (จำกัดผู้เข้าชมรอบละ 50 คน) 

วิธีการเดินทางไปศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง

หากไม่มีรถส่วนตัว การเดินทางด้วยรถประจำทาง มีรถสาย 1013 ลง 3 แยกโรงพยาบาลสิรินธร ต่อด้วยรถสองแถวสีน้ำเงิน ตลาดนำชัย (999) - วัดกิ่งแก้ว ผ่านหน้าโครงการเลย หรือจะมาแอร์พอร์ตลิงก์ ลงสถานีทับช้างหรือลาดกระบัง แล้วต่อรถเมล์มาลง 3 แยกโรงพยาบาลสิรินธร ต่อด้วยรถสองแถวสีน้ำเงินก็ได้ หรือจะเรียกแท็กซี่ไปโครงการเลยก็ง่าย

หากมาโดยรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีอุดมสุข ต่อแท็กซี่ได้เลยเหมือนกัน หรือจะไปลงสถานีอ่อนนุช เดินมาหน้าบิ๊กซีอ่อนนุชและข้ามฝั่งมานั่งสาย 1013 พระโขนง-หัวตะเข้ ลงที่แยกโรงพยาบาลสิรินธร แล้วก็นั่งรถสองแถวสีน้ำเงิน ตลาดนำชัย (999) - วัดกิ่งแก้ว ก็ถึง "ป่าในกรุง" ได้เหมือนกัน