ลงนาม MOU ‘การท่องเที่ยว’ เกาหลี-ไทย ระหว่าง ‘คยองกี’ กับ ‘TTAA’
ลงนาม MOU ไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ ‘การท่องเที่ยว’ ระหว่าง เกาหลี-ไทย ถือว่าเป็นครั้งแรก กับงาน ‘Come to the real Korea, Gyeonggi’ โดยองค์การการท่องเที่ยว ‘คยองกี’
การ ลงนาม MOU ระหว่าง เกาหลี-ไทย สำหรับ องค์การการท่องเที่ยวคยองกี (GTO) และสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) ครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ 7 กรกฏาคม 2566 เวลา 16.00 น. ณ โรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
ครั้งนี้ยังมีการให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจ และการสร้างเครือข่ายระหว่าง คยองกี และบริษัทนำเที่ยวในไทย แนะนำรูปแบบ และสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ของ คยองกี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ที่กำลังจะมาถึงนี้
โดย ‘องค์การการท่องเที่ยวคยองกี’ นำโดยผู้อำนวยการ ‘โช วอน ยอง ’ ได้จัดงานสัมมนาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว Come to the real Korea, Gyeonggi ถือว่าเป็นการจัดงานครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด 19 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และสื่อในท้องถิ่น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวแบบทวิภาคี ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้เกิดความสนใจในจังหวัดคยองกี เพื่อเฉลิมฉลอง ‘การมาเยือนร่วมกันของเกาหลี-ไทย ในปี 2023-2024’
ภายในงาน ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ MOU ระหว่าง องค์การการท่องเที่ยวคยองกี ร่วมกับ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) ถือว่าเป็นองค์การท่องเที่ยวที่ใหญ่ในประเทศไทย มีสมาชิกกว่า 1,000 ราย การทำข้อตกลง MOU ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ และความคิดริเริ่มด้านการตลาด สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว อย่างเป็นระบบ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงประสบการณ์ที่มีมูลค่าสูง ร่วมกับทรัพยากรการท่องเที่ยวที่สำคัญใน จังหวัดคยองกี
และในวันเดียวกันนั้น ยังมีพันธมิตรจากบริษัทไมซ์ อีก 16 แห่ง จากจังหวัดคยองกี อาทิเช่น Samsung C&T Everland Resort, Korean Folk Village, Petite France & Italy Village, Wave Park, Paju DMZ Gondola, Herb Island และ Hyundai Cruise มาเข้าร่วมการจับคู่ธุรกิจแบบตัวต่อตัว กับบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ 17 แห่งในประเทศไทย
พันธมิตรจากบริษัทไมซ์ อีก 16 แห่ง จากจังหวัดคยองกี เข้าร่วมการจับคู่ธุรกิจแบบตัวต่อตัว กับบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ 17 แห่งในประเทศไทย
คิม ดง ยอน ผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี ได้กล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ที่โรงแรม โรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ว่า “ประเทศไทย กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของ Hallyu (หมายถึงกระแสเกาหลี) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้วยการฟื้นตัวของเส้นทางการบิน ทำให้มีศักยภาพในการขยายตัวมากขึ้น โดยเราคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และมีการร่วมมือกันระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น พร้อมเกิดการสนับสนุนให้บริษัทท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศ มีส่วนร่วมในการหารือกันอย่างแข็งขันต่อไปในอนาคต”
‘คิม ดง ยอน’ ผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี ได้กล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ที่โรงแรม โรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
'คิม ดง ยอน' ยังกล่าวอีกว่า จังหวัด คยองกี เหมือนเป็น Small Korea มีทั้งทะเล และภูเขา แหล่งประวัติศาสตร์ และพิเศษตรงที่ติดกับชายแดนเกาหลีเหนือ มีสุสานของราชวงศ์โชซอนหลายแห่ง แสดงถึงความเป็นเมืองเก่า 27 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเกาหลี อาศัยอยู่ที่เมืองคยองกี หากไม่ได้ไปเยือนคยองกี ถือว่ายังไปไม่ถึง เกาหลีใต้
ซึ่งจังหวัดคยองกี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีความผสมผสานกันระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก นั่นก็คือ DMZ (เขตปลอดทหาร)
และมีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ซึ่งคนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในปี 2018-2019 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด 19 นักท่องเที่ยวชาวไทย ติดอยู่ในอันดับ 5 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศเกาหลี และใน 43 เปอร์เซ็นต์ ได้มาเยือนจังหวัดคยองกี
Cho Won-yong (โช วอน ยอง) องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคยองกี
จากซ้ายไปขวา : เจริญ วังอนานนท์ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) Kim Dong-yeon (คิม ดง ยอน) ผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี และ Cho Won-yong (โช วอน ยอง) องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคยองกี
บรรยากาศการพบปะกันระหว่างผู้ประกอบการเกาหลีและบริษัททัวร์ไทย
ดังนั้นหากสนใจเที่ยวเกาหลีใต้ อย่าลืมแวะไปเยือนจังหวัดคยองกี ติดตามรายระเอียด ข้อมูลต่างๆได้ที่เพจเฟชบุ๊ก: องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคยองกี หรือ https://www.facebook.com/Gyeonggi.TH