"น้ำมันแพง" รถโดยสารกระทบหนัก ลดเที่ยว - หยุดวิ่ง วอนกรมขนส่งเคาะปรับค่าโดยสาร

"น้ำมันแพง" รถโดยสารกระทบหนัก ลดเที่ยว - หยุดวิ่ง วอนกรมขนส่งเคาะปรับค่าโดยสาร

รถทัวร์ รถตู้ กระทบหนักจากน้ำมันแพงลดเที่ยววิ่งทั้งหมด บางบริษัทหยุดวิ่งรถ บางบริษัทเหลือวิ่งเพียง 1 เที่ยว แม้ผู้โดยสารจะหันมาใช้บริการมากขึ้นแทนรถยนต์ส่วนตัว แต่ก็ยังน้อย และน้ำมันแพงมาก วอนกรมการขนส่งพิจารณาให้ปรับค่าโดยสาร

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวสำรวจบรรยากาศการเดินทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ตรัง พบว่าบรรยากาศเงียบเหงา ผู้โดยสารมีจำนวนน้อย ขณะที่รถตู้โดยสาร โดยเฉพาะสายตรัง - หาดใหญ่ จอดรอคิวกันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ทราบว่าปัจจุบันนี้แม้การระบาดของเชื้อโควิดลดลง การใช้ชีวิตกลับมาเป็นปกติมากขึ้น แต่รถโดยสารสาธารณะทั้งรถตู้ และรถทัวร์ปรับอากาศ ก็ยังได้รับผลกระทบหนักเช่นเดิม แม้ผู้โดยสารจะหันมาใช้บริการรถโดยสารประจำทางกันมากขึ้น แต่ปริมาณก็ยังน้อย และน้ำมันมีราคาแพงมาก ทั้งนี้ ในส่วนของรถตู้โดยสาร ซึ่งเข้าคิวประมาณ 30 คัน แต่ละคันสามารถวิ่งโดยสารได้เพียงสัปดาห์ละ 1 รอบ จากเดิม 10 วันได้วิ่ง 1 รอบ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเริ่มเปิดเรียน แต่ผู้โดยสารก็ยังน้อย และน้ำมันแพง

โดยทางผู้ประกอบการรถตู้ บอกว่า รถตู้ทั้งหมดประมาณ 30 คัน แต่ละคันได้วิ่งเดือนละ 3 รอบ หรือได้วิ่งประมาณอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ที่เหลือจอด (ตอนช่วงโควิด 10 วัน ได้วิ่ง 1 รอบ ) รถเติมน้ำมันวิ่งไป-กลับใช้น้ำมัน 1,100 บาท วิ่งได้เที่ยวละประมาณ 1,700 บาท หักค่าน้ำมัน ค่าอาหารแล้วต่อเที่ยวเหลือเงินประมาณ 400 บาทเท่านั้น ก็ต้องรออีก 1 อาทิตย์ได้กลับมาวิ่งใหม่ เจ้าของรถบางคันต้องทำงานเพิ่มขึ้น ด้วยการรับจ้างขับให้กับรถตู้คันที่เจ้าของไม่ขับเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยได้ค่ารับจ้างขับประมาณเที่ยวละ 250 บาท และถ้าขับไปแล้วก็ต้องเสี่ยงว่าจะมีผู้โดยสารขากลับหรือไม่ หรือได้ผู้โดยสารกี่คน เพราะถ้าจอดรอก็ต้องจ่ายค่าฝากรถอีกวันละ 50 บาท ส่วนรถเติมแก๊สไป-กลับ ต้องเติมแก๊สประมาณ 600-700 บาท เพราะแก๊สก็ปรับราคา ค่าโดยสารก็ราคาเท่าเดิม เหลือหักค่าใช้จ่ายแล้วต่อเที่ยวประมาณ 800 บาท ได้มากกว่าเติมน้ำมัน โดยถ้าเติมน้ำมันเหลือ 400 บาท รัฐควรจะให้ปรับราคาค่าโดยสารขึ้น เพราะน้ำมันแพงมาก จากเดิมลิตรละ 30 กว่าบาท ตอนนี้ 50 บาท ขณะนี้กำลังตกลงกันว่าจะขอขึ้นค่าโดยสารต่อกรมการขนส่ง

อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถประมาณ 40-50 คัน หรือว่าครึ่งหนึ่ง พบว่ารถตู้อายุใช้งานครบ 10 ปีแล้ว อยู่ระหว่างช่วงอนุโลม ซึ่งจะต้องเปลี่ยนไปเป็นรถมินิบัส แต่ทุกคนบอกว่า ไม่มีเงินเก็บ เชื่อว่าหากขนส่งไม่อนุโลมให้วิ่ง ก็ต้องเลิกจากอาชีพ เพราะไม่มีเงินดาวน์รถใหม่ เพราะลำพังขณะนี้รายได้แต่ละวันก็ไม่พอเลี้ยงครอบครัว ซึ่งในการดาวน์รถแต่ละครั้งจะผ่อน 7 ปี เหลือ 3 ปี ทำงานเก็บเงิน แต่มาประสบปัญหาสถานการณ์โควิด ไม่มีผู้โดยสาร น้ำมันแพง ทำให้เดือดร้อนหนักไม่มีเงินเก็บ

ขณะที่รถทัวร์โดยสารปรับอากาศพบว่า รถทัวร์ของบริษัท ขนส่ง จำกัด ก็ลดลงเหลือเพียงวันละประมาณ 1-2 เที่ยว แม้ผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น เพราะคนไม่อยากขับรถยนต์ส่วนตัว แต่ผู้โดยสารก็ยังมีน้อย บางวันเหลือผู้โดยสารครึ่งคัน แต่น้ำมันแพง ขณะที่บริษัทเอกชน ซึ่งวิ่งรถทัวร์โดยสารเข้ากรุงเทพฯ มีทั้งหมด 2 บริษัท คือ บริษัท ศรีสุเทพทัวร์ และบริษัท ทรัพย์ไพศาลทัวร์ ปรากฏว่าขณะนี้ บริษัท ทรัพย์ไพศาลทัวร์ ได้หยุดเดินรถสิ้นเชิง นับจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 และมาเจอกับปัญหาราคาน้ำมันแพง ทำให้หยุดเดินรถทั้งหมด ส่วนทัวร์ของ บริษัท ศรีสุเทพทัวร์ ก็เหลือวิ่งเพียงวันละ 1 เที่ยวคือ สตูล-ตรัง-กรุงเทพฯ ซึ่งผู้โดยสารแม้ว่าจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เต็มคันรถเช่นกัน ทำให้เดือดร้อนหนัก โดยเฉพาะจากปัญหาน้ำมันแพง เพราะจนถึงขณะนี้กรมการขนส่งทางบกก็ยังไม่พิจารณาปรับค่าโดยสาร

ด้านคนขับรถทัวร์ของบริษัท ขนส่ง จำกัด กล่าวว่า คนหันมาใช้บริการรถทัวร์โดยสารแทนรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น เพราะน้ำมันลิตรละ 50 บาท ถ้าเปรียบเทียบรถยนต์ส่วนตัววิ่งกรุงเทพฯ-ตรัง ต้องใช้น้ำมันมากถึง 3,000 บาท แต่หากรถทัวร์โดยสารจ่ายค่าโดยสารไม่ถึง 1,000 บาท สะดวกและปลอดภัยกว่า ส่วนปัญหาน้ำมันแพงก็กระทบหนัก

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์