ฉุดไม่อยู่ ยอดเหยื่อ "บ้านฟองน้ำ" แห่แจ้งความเพิ่ม แฉขบวนการลวงลงทุน 600 ล้าน
ผู้เสียหายออกเดินหน้าแฉอีก ลวงออมเงิน "บ้านฟองน้ำ" ทำเป็นขบวนการ ทั้งน้องชาย น้องสะใภ้ โชว์หรูแบ่งสายหาเหยื่อ ลวงเหยื่อ 400 คน โกย 600 ล้าน หนีลอยนวล
จากกรณีผู้เสียหายออมเงินบ้านฟองน้ำ นับ 100 ราย ทยอยเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวปิยะธิดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ไฮโซสาวชาวจังหวัดอุบลราชธานี หลังเชิญชวนผู้ที่สนใจลงทุนออมเงินโดยให้ผลตอบแทนเป็นกำไรร้อยละ 5 เปอร์เซ็นต์ต่อ 15 วัน และ 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 30 วัน มานานกว่า 2 ปี จนทำให้มีผู้ที่หลงเชื่อทั้งในจังหวัดอุบลราชธานีและกรุงเทพฯกว่า 400 ราย เงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาท แต่สุดท้ายไปไม่รอดปิดบ้านออมหนีเข้ากรุงเทพฯ ตามที่มีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดมีกลุ่มผู้เสียหายออกมารวมตัวแจ้งความและให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า นอกจากนางสาวปิยะธิดา ที่เป็นเจ้าของบ้านออมเงินฟองน้ำแล้ว ยังมีการแบ่งหน้าที่ให้นายวุฒินันท์ หรือ เต้อ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และนางสาวเพ็ญนุภา หรือ ออย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี น้องชาย น้องสะใภ้ ของนางสาวปิยะธิดาในการหาผู้มาร่วมลงออมเงินในรูปแบบของการลงทุน โดยการแบ่งกำไรเป็นเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับนางสาวปิยะธิดาและหายตัวไปพร้อมกันกับนางสาวปิยะธิดาเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นางสาวภคมน อายุ 32 ปี อาชีพฟรีแลนซ์ เปิดเผยว่าตนเองได้รู้จักกับนางสาวเพ็ญนุภา มาประมาณ 4 ปี เพราะเคยร่วมงานด้วยกัน ต่อมาถึงวันที่ 24 พ.ค. 64 ตนต้องการให้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคาราเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต จึงได้ตัดสินใจทักไปหานางสาวเพ็ญนุภา เพื่อเริ่มลงทุนออมเงินจำนวน 5 หมื่นบาท ผลตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์ต่อ 30 วัน เมื่อครบกำหนดนางสาวเพ็ญนุภา ได้โอนเงินมาให้ทันที 5 หมื่น 5 พันบาท
หลังจากนั้นตนก็ลงเงินเพิ่มจาก 5 หมื่นบาท เป็น 1 แสนบาท ระยะเวลาเท่าเดิม จนกระทั่งพฤษภาคม 2565 นางเพ็ญนุภาได้เสนอโปรโมชั่น 15 วัน ผลตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์ โดยมีข้อแม้ห้ามถอนเงินต้นแต่สามารถถอนผลกำไรได้ปกติ ด้วยความไว้ใจที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา ตนจึงได้ลงเงินทุนทั้งหมด 3 ล้าน 6 แสนบาท ในครั้งสุดท้ายก่อนทั้งสองคนจะหายไป
ต่อมาวันที่ 16 มิถุนายน ตนได้ทราบข่าวในโซเชียลว่าบ้านออมเงินของนางสาวปิยะธิดา พี่สะใภ้ล้ม ตนจึงได้โทรหานางสาวเพ็ญนุภาเพื่อสอบถามเรื่องเกิดขึ้น นางสาวเพ็ญนุภายอมรับว่ามีปัญหาจริงและไม่สามารถที่เดินเงินต่อได้ แต่จะรับผิดชอบผ่อนจ่ายเงินของตนให้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จนมีผู้เสียหายตั้งกลุ่มไลน์ผู้เสียหายกว่า 25 คน มาพูดคุยปรึกษารวบรวมยอดความเสียหายเฉพาะทุนรวมแล้ว 20 ล้านบาท
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนได้และพยายามติดต่อนางสาวเพ็ญนุภาแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน บอกเพียงแค่ขอเวลาแล้วก็เงียบหายไปผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อได้จึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี และออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเพื่อเตือนภัยเรื่องที่เกิดขึ้นและขอให้ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความออกมาแจ้งความดำเนินคดีเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
ด้านคดี พ.ต.อ.มารุต เรืองจินดา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี รักษาการผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี เปิดเผยว่าขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้มีการรับคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายไว้แล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานและดำเนินการตามขั้นตอนคาดว่าอีก 2-3 วัน น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นแต่ทั้งนี้ต้องอยู่กับผู้เสียหายว่าจะนำหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนได้เร็วแค่ไหน ส่วนตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาขณะนี้ชุดสืบสวนได้มีการลงพื้นที่หาข้อมูลแล้วแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดหากมีความชัดเจนมากขึ้น จะรายงานผู้บังคับบัญชาทราบเนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและมีมูลค่าความเสียหายมาก