เจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ ขีดเส้น 30 วัน "36พระ" ย้ายออกเขตกัมมัฏฐาน ยันยึดกม.
เจ้าอาวาส’วัดชลประทานฯ ขีดเส้น 30 วัน "36พระลูกวัด" ย้ายออกเขตกัมมัฏฐาน ยืนยันดำเนินการชอบด้วยกฎหมาย ปฏิบัติตามภารกิจคณะสงฆ์ 6 ด้าน
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยนายอำเภอปากเกร็ด ,ผอ.สนง.พระพุทธศาสนา จ.นนทบุรี ,ไวยาวัจกร วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ทำหนังสือร้องเรียนถวายฎีการวมถึงเคยทำหนังสือร้องเรียนมายังมูลนิธิทนายกองทัพธรรมด้วย เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565
โดยกล่าวหาว่า หลวงพ่อปัญญานันทมุณี หรือพระราชวัชรธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ว่า รื้อกุฏิพระ ในเขตกัมมัฏฐานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และตัดต้นศรีมหาโพธิ์ จากพุทธคยาเจดีย์ ประเทศอินเดีย พร้อมป้ายแสดงรายละเอียดส่วนอื่นๆอันเป็นความผิดข้อหา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 และ 157
โดยทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นเท็จทั้งหมด เพราะการรื้อกุฏิพระภายในเขตกัมมัฎฐานนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ได้พัฒนาวัดตามภารกิจคณะสงฆ์ 6 ด้าน มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาวัด บนที่ดิน 59 ไร่เศษ แบ่งเป็น 3 เขต ได้แก่ เขตพุทธานุภาพ เขตธรรมมานุภาพ รวมเนื้อที่ 37 ไร่ แปลงนี้พัฒนาเสร็จเรียบร้อย
ส่วนเขตสังฆานุภาพ หรือเขตกัมมัฏฐาน ซึ่งมีเนื้อที่ 22 ไร่ ที่เป็นปัญหา พบว่าอยู่ในสภาพทรุดโทรมสมควรที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น ทางวัดจึงได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน พร้อมทั้งจัดเรือนรับรองเพื่อให้พระที่อยู่ในเขตกัมมัฏฐานย้ายยังสถานที่ทางวัดจัดให้ เป็นการพัฒนาวัด ของเจ้าอาวาส ตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 37 (1)
แต่ปรากฏว่า พระที่อยู่ในเขตกัมมัฏฐาน จำนวน 36 รูป และฆราวาส จำนวน 35 คน ไม่พอใจจึงรวมตัวออกมาคัดค้าน
ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า ทางพระราชวัชรธรรมภาณี ได้ออกคำสั่งให้พระทั้ง 36 รูป ออกจากเขตสังฆานุภาพ เพื่อย้ายไปจำวัดยังเรือนรับรอง ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้ หากไม่ออกจะถือว่า เป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 และหากไม่ออก เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสกฤษฏ์ จะมีคำสั่งตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 38 (2) โดยให้ออกไปเสียจากวัด
ด้านพระสุจินตนินท พระลูกวัดที่ทำหนังสือร้องเรียนเจ้าอาวาสกับนายศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า ประเด็นที่พบยาเสพติดภายในกุฎิ ไม่เป็นความจริง ส่วนประเด็นที่มีสีกามาอาศัยอยู่ด้านล่างกุฎิ รวมกับพระสงฆ์นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแม่ครัวที่มาทำอาหาร และเป็นแบบไปกลับ
ส่วนประเด็นที่ไม่ยอมย้ายออกมาจากกุฎิ และขัดขวางการพัฒนาวัดนั้นก็ไม่ความจริง เพราะที่ผ่านมา เจ้าอาวาสไม่เคยทำหนังสือแจ้งเป็นกิจลักษณะเลย แต่หลังจากมีการตั้งโต๊ะแถลงแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีจะได้ชัดเจน และพร้อมจะทำตามคำสั่งเจ้าอาวาส