ชาวเชียงใหม่ ร้อง ตร. เอาผิดบริษัทอสังหาฯ หลอกขายที่ดินทิพย์ แฉกลโกง
ชาวเชียงใหม่รวมตัวแจ้งความ ตร.สอบสวนกลาง เอาผิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หลอกขายที่ดินจัดสรรทิพย์ ผ่อนฟรีไม่มีโฉนด แต่ละหลายสูญเงินนับล้านบาท รวมกว่า 50 ล้าน ใช้วิธีผ่อนตรงไม่ผ่านธนาคาร โปรโมชั่นดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์นาน 3 ปี หลงเชื่อผ่อนที่ดิน สุดท้ายตรวจสอบกรมที่ดิน พบบริษัทไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน-บางแปลงขายต่อให้คนอื่นแล้ว
ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.รัถย์ศานต์ ประจิตร์ รอง สว.สอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความเอาผิด บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ หลังถูกหลอกขายที่ดินทิพย์ผ่อนฟรีไม่มีโฉนดอยู่จริงให้ จนสูญเงินรวมกันหลายล้านบาท โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารสัญญาการซื้อขาย สลิปการโอนเงิน และเอกสารอื่นๆมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นายนัตถ์ธนินทร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2564 ได้พบเห็นบริษัทดังกล่าวลงโฆษณาประกาศขายที่ดินจัดสรรราคาถูกจำนวนหลายโครงการในพื้นที่ อ.สันกำแพง และ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ประกอบกับเห็นว่าบริษัทดังกล่าวสามารถให้ลูกค้าผ่อนผ่านบริษัทได้ โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร รวมถึงมีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ นาน 3 ปี และ จะมีการจัดทำระบบสาธารณูปโภค น้ำ ไฟฟ้า ในพื้นที่ภายใน 3 เดือน อีกทั้งยังมีที่ตั้งสำนักงานเป็นหลักแหล่ง จึงเกิดสนใจ ติดต่อขอซื้อที่ดินจัดสรรกับบริษัทดังกล่าว จำนวน 50 ตารางวา มูลค่า 3.5 แสนบาท พร้อมวางเงินดาวน์จำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ดิน
“เมื่อผ่อนส่งค่างวดไปได้ 6-7 เดือน บริษัทกลับไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้หลายเรื่อง และไม่มีการรังวัดที่ดินให้ชัดเจน จึงเริ่มเอะใจตรวจสอบกับกรมที่ดินจึงรู้ว่า ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนดังกล่าวและอีกหลายๆแปลงนั้น ไม่ใช่บริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด และยังมีบางแปลงที่เจ้าของเดิมซึ่งไม่ใช่บริษัทดังกล่าว ได้ขายต่อให้กับคนอื่นไปแล้ว”
หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ซื้อที่ดินจัดสรรผ่านบริษัทดังกล่าวจำนวน 250 ตารางวา มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท ผ่อนชำระไปแล้วเป็นเงิน 1.2 ล้านบาท ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าโฉนดที่ดินเป็นของบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ของบริษัทตามที่กล่าวอ้าง และ ยังมีการนำหน้าโฉนดที่ดินผืนเดียวกันไปหลอกขายให้กับคนอื่นอีก เมื่อทวงถามขอเงินคืนก็ถูกบ่ายเบี่ยง ประวิงเวลาเรื่อยมา
“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินกลับคืนแม่แต่บาทเดียว จึงเชื่อว่าถูกหลอก อีกทั้งยังทราบว่านอกจากตัวเองแล้วยังมีผู้เสียหายรายอื่นตกเป็นเหยื่อลักษณะเดียวกันรวมกว่า 1,000 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 50 กว่าล้านบาท ในวันนี้ตัวเองและผู้เสียหายรายอื่นๆจึงรวมตัวมาเข้าแจ้งความเอาผิดกับบริษัทดังกล่าว ในฐานความผิด ”ฉ้อโกงประชาชน” เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีก”
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องไว้เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่นำมามอบ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป