ภาครัฐ-สมาคมวิทย์ฯไทย-จีน ผสานพลัง จัดงาน Green Technology Expo 2024
ภาครัฐ-สมาคมวิทย์ฯไทย-จีน ผสานพลัง จัดงาน "Green Technology Expo 2024" หาแนวร่วมพัฒนาธุรกิจ แก้ปัญหาโลกร้อน ด้วย เทคโนโลยีสีเขียว
ที่ไบเทค บางนา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน และหน่วยงานภาครัฐของสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมจัดงาน “Green Technology Expo 2024 เปิดประตูสู่อนาคต” Driving Sustainable Solutions : Advancing Business Through Green Technology ส่งเสริมแผนงานความยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสีเขียว โดยมี นพ.เกษม วัฒนชัย นายกสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
โดย นพ.เกษม กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกและการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 20 มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการผลิตทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ในอัตราสูง ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเกิดการสะสมของก๊าซเรือนกระจก เป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันนานาชาติต่างยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาของโลกและจำเป็นต้องมีความร่วมมือแก้ไขในระยะยาว โดยให้เป็นนโยบายสำคัญของสหประชาชาติ ซึ่งมีการประชุมและให้สัตยาบันในข้อตกลงกรุงปารีส ประเทศสหรัฐอเมริกาก็กลับมาใช้สนธิสัญญาปารีส โดยประกาศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ร้อยละ 50-52 ขณะที่สหภาพยุโรปได้ประกาศแผน green deal มุ่งสู่ความเป็นกลาง ทางคาร์บอนภายในปี 2050 ประเทศจีนก็ประกาศแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุดภายในปี 2030
“สำหรับประเทศไทยก็ได้ให้สัตยาบัน ณ กรุงปารีส โดยประกาศจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ได้ 20-25% ภายในปี 2030 หรือ พ.ศ. 2573 และได้ประกาศการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วย Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG ในปี พศ. 2567 นี้ สำหรับงานที่จัดขึ้น เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีสีเขียว จากบริษัท และหน่วยงานชั้นนำจากประเทศไทย สาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศต่างๆโดยมุ่งเน้นเทคโนโลยีสีเขียวในด้านต่างๆซึ่งการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียจากกระบวนการผลิต” นพ.เกษม กล่าว
ทางด้าน นายพิชัย สนแจ้ง เลขาธิการสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการผลิตทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรมมีผลต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มพื้นที่เมืองและลดพื้นที่ป่า สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม เกิดการสะสม Green House Gas (GHG) เกินกว่าที่ธรรมชาติจะรับได้ จนเกิดปัญหาภาวะโลกร้อน หรือ Global Warming ย้อนกลับมามีผลกระทบต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ภาคบริการ และการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างที่ทุกคนรับทราบ และเผชิญปัญหาร่วมกัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขโดยสมาคมฯเห็นว่าการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนต้องเกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนการผลิตและกระบวนการทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และบริการ ซึ่งต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพัฒนานวัตกรรม
"เราต้องใส่ใจ Carbon Footprint ให้ความสำคัญใน commitment ที่ได้ให้ไว้กับ สหประชาชาติ ต้องพัฒนาทรัพยากรที่มีอยู่ให้มี Value หรือมีคุณค่ามากขึ้นเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น การจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศไทย ประเทศจีนและนานาชาติ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป สำหรับการจัดงานไม่ได้จัดเพื่อการแสวงหากำไร” นายพิชัย กล่าว.