ไทย-จีน หารือทวิภาคี-พหุภาคี ร่วมมือบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน

สทนช. ต้อนรับ รมว.ทรัพยากรน้ำ จีน เน้นย้ำ 50 ปี ไทย-จีน หารือทวิภาคี-พหุภาคี ร่วมบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน สร้างภูมิคุ้มกันให้ชุมชนบริเวณแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก
ในโอกาสที่นายหลี่ กั๋วอิง (Mr. Li Guoying) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะเยือนประเทศไทย เพื่อศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการน้ำระหว่างประเทศ เยี่ยมชมสภาพลำน้ำแม่น้ำโขง และสถานีตรวจวัดระดับน้ำแม่น้ำโขง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นางพัชรวีร์ สุวรรณิก ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ สทนช. และคณะเจ้าหน้าที่ สทนช. ร่วมให้การต้อนรับ
เลขาธิการ สทนช.กล่าวว่า การเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการกระชับความสัมพันธ์ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างไทยและจีน ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี
โดยเฉพาะในระดับทวิภาคี กระทรวงทรัพยากรน้ำสาธารณรัฐประชาชนจีน มีบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางวิชาการด้านทรัพยากรน้ำและการชลประทานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และบันทึกความเข้าใจสาขาทรัพยากรน้ำกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย
นอกจากนี้ยังได้หารือความเป็นไปได้ของการทำ MOU ระหว่าง สทนช. และกระทรวงทรัพยากรน้ำสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย
ส่วนในระดับพหุภาคี มีความร่วมมือภายใต้กลไกคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation: MLC) ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เปิดรับข้อเสนอโครงการจากหน่วยงานไทย เพื่อรับการสนับสนุนจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Special Fund) เป็นประจำทุกปี
ที่ผ่านมา สทนช.ได้ดำเนินโครงการวิจัยร่วมเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน ด้านอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย-น้ำรวก ระหว่างไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2561 แต่จากการแพร่ระบาดของของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามประเทศ ทำให้ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ตามแผน
อย่างไรก็ตามในปี 2567 สทนช. ได้จัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมืองต่อภาวะอุทกภัย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Strengthening Urban Community Resilience against Flashflood under Changing Climate and Extreme Events in Sai and Ruak Transboundary River between Thailand and Myanmar) และขอรับสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2568 โดยปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอโครงการของไทย
“การเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำจีนในครั้งนี้ ถือเป็นการ เน้นย้ำในความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่ดำเนินมายาวนานถึง 50 ปี และเป็นโอกาสที่ดียิ่งของไทยในการหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง และสาขาลุ่มน้ำสาย-น้ำรวก
รวมทั้งนำเสนอแนวทางการดำเนินงานและเสริมสร้างความร่วมมือดังกล่าว เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการแจ้งเตือนอุทกภัยล่วงหน้าและระบบการสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน
รวมถึงเสริมสร้างขีดความสามารถในการรับรู้และปรับตัวให้กับประชาชนและชุมชนโดยรอบ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยและปัญหาด้านน้ำในมิติต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ป้องกันและบรรเทาผลกระทบรวมถึงลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” เลขาธิการ สทนช.กล่าว