ศธ.เอาจริง! คุมขนาดห้องเรียนไม่เกิน40คนใน5ปี
ศธ.เอาจริง! คุมขนาดห้องเรียน สั่งสพฐ.ดำเนินการปรับลดจำนวนนักเรียนต่อห้องให้เหลือไม่เกิน 40 คนภายใน 5 ปี ไม่เว้นร.ร.ดัง
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอของอนุกรรมการปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ของสภาปฏิรูปการศึกษา (สปช.) ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วย และเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้องที่เหมาะสมในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และควบคุมให้โรงเรียนในสังกัดรับนักเรียนโดยยึดตามเกณฑ์ดังกล่าวอย่างจริงจัง
พล.ร.อ.รรงค์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน มีเกณฑ์ของคณะกรรมการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) กำหนดจำนวนครูต่อนักเรียนและจำนวนนักเรียนต่อห้องไว้ โดยจำกัดขนาดห้องเรียนระดับปฐมวัยอยู่ที่ไม่เกินห้องละ 30 คน ส่วนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ไม่เกินห้องละ 40 คน อย่างไรก็ตาม หลังจากอภิปรายกันอย่างมาก ที่ประชุมให้ปรับเกณฑ์ใหม่ ลดจำนวนนักเรียนต่อห้องใระดับประถมศึกษาเป็นไม่เกินห้องละ 30 คน ปฐมวัยห้องละ 30 คน เฉพาะระดับมัธยมเท่านั้น ห้องละไม่เกิน 40 คน และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อปรับลดจำนวนนักเรียนต่อห้องของโรงเรียนในสังกัดให้เป็นไปตามเกณฑ์นี้ เพราะปัจจุบัน โรงเรียนมัธยมบางแห่งโดยเฉพาะโรงเรียนที่มีความนิยมสูงนั้น รับนักเรียนมากถึง 50 คนต่อห้อง
“ ศธ.จะเอาจริงกับการปรับลดขนาดห้องเรียนให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่คงไม่สามารถทำได้ทันทีในปีการศึกษาหน้า เพราะต้องให้เวลาปรับตัวพอสมควร เพราะฉะนั้น จะให้เวลา สพฐ.ไปปรับลดขนาดห้องเรียนตามเกณฑ์นี้ให้ได้ภายใน 5 ปี เพื่อให้โรงเรียนได้ปรับสภาพ ประเด็นสำคัญ คือ การจะปรับขนาดห้องเรียนตามเกณฑ์นี้ได้ จะต้องมีโรงเรียนไว้รองรับนักเรียนที่มาจากร.ร.ดัง เพราะฉะนั้น สพฐ.จะต้องไปปรับคุณภาพของร.ร.ในพื้นที่ต่าง ๆ ไว้รองรับด้วย ปัจจุบัน โรงเรียนแข่งขันสูง รับนักเรียนห้องละ 50 คน เมื่อใช้เกณฑ์นี้แล้ว ต้องกระจายเด็กที่เกินเกณฑ์นี้ ไปอยู่ยังโรงเรียนอื่น ๆ แทน เพราะฉะนั้น สพฐ.ก็ต้องไปปรับปรุงคุณภาพโรงเรียนขนาดกลาง โรงเรียนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่รอบนอกให้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง อันนี้ ถือเป็นการบ้านของ สพฐ.ทั้งนี้ การควบคุมขนาดห้องเรียนให้เหมาะสม มีจำนวนนักเรียนไม่มากเกินไป จะช่วยให้ครูดูแลนักเรียนได้ใกล้ชิดมากขึ้น “ รมว.ศึกษาธิการ กล่าว