'ลูกชก'ของแปลกจากป่า แปรรูปเป็นอาหาร ขายรายได้งาม
ชาวสวนยางกระบี่ ใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน นำลูกชก แปรรูปผลิตเป็นอาหารพื้นบ้านทำขนมหวานส่งขาย ทำเงิน สร้างรายได้งาม
นายวรากร พรายพรรณ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/7 ม.2 ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ อาชีพเกษตรกรชาวสวนยางพารา แปรรูปอาหารที่ทำจากลูกชก หรือลูกเหนา ผลผลิตจากป่าที่หาได้ภายในหมู่บ้านแค่ 1 ปี มีครั้งเดียว พบเจ้าเดียวและเจ้าแรก ในตำบลคลองหิน อ.อ่าวลึก จนปัจจุบันยึดเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้งามให้กับครอบครัว
นายวรากร เล่าว่า ที่ผ่านมานอกจากจะมีอาชีพกรีดยางแล้ว ก็จะขายผลไม้เป็นอาชีพเสริม ต่อมามีโอกาสเจอพ่อค้าขายลูกชกในตลาดชุมชน ที่มาจาก จ.พังงา นำลูกชกมาขาย ตนจึงได้รับคำแนะนำให้ทดลองนำมาขายดู ประกอบกับภายในหมู่บ้านที่ตนอยู่ พบมีต้นชกขึ้นอยู่ตามป่าจำนวนมาก จึงลงมือทดลองจนประสบความสำเร็จ ปัจจุบันตนจะตระเวนขายอยู่ตามตลาดในชุมชน ในตัวเมืองกระบี่ ย่านอ่าวนางแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ในราคาถุงละ 20 บาท หากเป็นถ้วย 25 บาท และจะขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ลูกชกเชื่อมน้ำตาลของตนขายดีเป็นอย่างมากเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้มีรายได้ตกเฉลี่ยเดือนละ 15,000-20,000 บาท
สำหรับลักษณะทั่วไปของลูกชก เนื้อลูกชกจะนุ่ม ค่อนคล้ายไปทางเนื้อลูกตาล จุดเด่นของลูกชกเมื่อรับประทาน เนื้อนุ่มกว่าลูกชิด อร่อยเหมือนกินลูกตาล แต่เคี้ยวง่ายกว่ามาก ป่าต้นชกมักขึ้นอยู่ตามเชิงเขาและพื้นที่ชุ่มน้ำของตำบลคลองหิน ต้นชก เป็นพืชยืนต้นมีลักษณะคล้ายต้นปาล์ม เจริญเติบโตตามแนวภูเขาหิน มีลำต้นตรง เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่กว่าต้นตาล สูงประมาณ 20-25 เมตร ใบยาวประมาณ3เมตร คล้ายใบมะพร้าวแต่ใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า ก้านใบและทางใบเหยียดตรงกว่าทางมะพร้าว มีรกสีดำตามกาบใบหนาแน่น ออกผลเป็นทะลาย เนื้อภายในผลมีเมล็ดอยู่3เมล็ด
ส่วนต้นชกตัวเมีย ปีหนึ่งจะให้ดอกออกผล 1 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม เก็บผลได้ในช่วงกลางปีถึงปลายปี ซึ่งมีมากเป็นพิเศษในพื้นที่ จ.กระบี่ และใกล้เคียง การเก็บเกี่ยวผลลูกชก จะต้องปีนขึ้นไปเก็บ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมากในการปีนป่าย เทคนิคก่อนขึ้นเก็บผลลูกชก จะต้องทำการทาแป้งเย็นให้ทั่วตามตัว ช่วยลดอาการคัน จากยางของผลลูกชก
ลูกชกสด จะมีลักษณะคล้ายกับลูกตาล แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก ทำให้เก็บเกี่ยวลูกชกได้คราวละมาก ๆ ถึง 2 ตัน นำลูกชกสดไปต้มในน้ำเดือดสัก 2 ชั่วโมงเสียก่อน โดยต้มในกระทะใบใหญ่และใช้ฝาปิดเอาไว้ เพื่อให้ไอความร้อนคุกรุ่นโดยทั่ว วิธีการนี้จะทำให้ยางในลูกชกละลายออกมา เพราะยางของลูกชกนั้นมีฤทธิ์ทำให้คันเมื่อโดนผิวหนัง หากผู้ที่แพ้จะทำให้ผิวหนังแสบไหม้ได้ เมื่อต้มจนสุกแล้ว ก็นำลูกชกมาพักไว้ รอให้เย็น จึงนำไปตัดขั้วด้วยกรรไกรหนีบหมาก จะเผยให้เห็นเมล็ดลูกชกด้านใน ที่เรียงกันอยู่3เมล็ด แล้วใช้หางช้อนกลาง“แคว้ก”(ภาษาใต้) หรือ แคะ ออกมา เสร็จแล้วจะต้องนำไปแช่น้ำสะอาดพักไว้สักชั่วโมง แล้วนำไปต้มในน้ำสะอาดอีกครั้งสัก 5-10 นาที จึงจะได้เมล็ดลูกชกผิวขาวใสและไม่มียางจริง ๆ หลังจากนั้นก็จะนำไปเชื่อมในน้ำตาลทรายขาว ที่ผ่านการเคี่ยวผสมด้วยใบเตยหอมเพื่อให้เกิดกลิ่นหอมชวนรับประทาน