'เปรต อาบัติ' ลงโรงจัดเต็ม ขี่กระแสผ้าเหลืองร้อน?
สหมงคลฟิล์ม จัดให้.."เปรต อาบัติ" ลงโรงจัดเต็ม ขี่กระแสผ้าเหลืองร้อน?
เรียกได้ว่าฉวยเอากระแสเรื่องร้อนของบ้านเมือง ปล่อยหนังเคยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ลงโรงอีกรอบ สำหรับหนังเรื่อง "เปรต อาบัติ" ผลงานของหญิงรุ่นใหม่ "ฝน" ขนิษฐา ขวัญอยู่ หลังประสบความสำเร็จอย่างสูง เมื่อครั้งออกฉายในปี 2558 และได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าชิงชัย “รางวัลออสการ์ ครั้งที่ 89 สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม” (Best Foreign Language Film Award) เมื่อปีที่ผ่านมา
ล่าสุด สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมปล่อยภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์แบบในชื่อ “เปรต อาบัติ” (อาบัติ Director’s Cut) ที่จัดเต็มด้วยการเพิ่มฉากและขยายเรื่องราวของตัวละครมากขึ้น, ตัดต่อ-เรียบเรียง และเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองใหม่ รวมถึงนำฉากที่ถูกตัดออกไปกลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อความชัดเจนของเนื้อหาที่ผู้กำกับต้องการสื่อสารมาตั้งแต่แรก
"พี่ปรัช" ปรัชญา ปิ่นแก้ว โปรดิวเซอร์ เผยว่า หนังอาปัติ ก็ถือว่ากระแสดี ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจนได้เป็นตัวแทนประเทศไทยส่งชิงออสการ์ และก็มีคนให้ความสนใจเยอะมาก ว่าอยากดูเวอร์ชั่นเต็มเพราะสังคมได้รับรู้ว่าเวอร์ชั่นที่ฉายนั้นมีการตัดบางอย่างออกไปตามที่คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ขอความร่วมมือ พอคราวนี้เรามีโอกาสที่ได้ทำ เปรต อาบัติ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ผู้กำกับอยากจะเล่าโดยแท้จริง ก็จะมีการเล่าเรื่องใหม่ เพิ่มฉากใหม่ ทำให้มันเต็มที่มากขึ้น ซึ่งจริงๆ มันก็คือหนังเรื่องเดียวกัน เพราะฉากที่ตัดออกไปหรือเพิ่มเข้ามามันไม่ได้เยอะถึงขนาดเปลี่ยนจากเรื่องหนึ่งให้เป็นอีกเรื่องหนึ่งได้ แต่ว่าเวอร์ชั่นนี้ผมว่ามันจะเข้มข้นมากกว่า จัดจ้านกว่า และถึงรสถึงชาติมากกว่า
"ผมคิดว่าคนที่ดู อาปัติ แล้วมาดู เปรตอาบัติ เนี่ยคงเห็นว่าฉากที่เพิ่มมามันก็ค่อนข้างแรงเหมือนกัน แล้วก็จะเห็นผีเปรตในมุมที่ชัดเจนขึ้น เห็นมิติของตัวละครบางตัวมากขึ้น ผมว่าคนที่สนใจเรื่องนี้แล้วยังไม่เคยดู หรือเคยดูมาแล้วก็น่าจะมาดูเวอร์ชั่น Director’s Cut นี้นะครับ เพราะเราจะได้เห็นมุมมองของผู้กำกับจริงๆ ว่าเขาจะนำเสนออะไร"
ขณะที่ "ฝน ขนิษฐา" ผู้กำกับฯ บอกภาพยนตร์เรื่องอาบัติ เป็นเรื่องที่อยู่กับเรามานานมาก ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับโจทย์จนกระทั่งวันนี้ ตีเวลารวมๆ เกือบ 5 ปี จนตัวเรามีเรื่องราวอยู่หลายต่อหลายเวอร์ชั่นที่ต้องการจะเล่า ตลอดระยะทางในการทำเรื่องนี้ เราผ่านการเรียนรู้และเติบโตในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องที่เราตั้งมั่นที่จะพูดในหนังเรื่องนี้มาโดยตลอด นั่นคือเรื่องของ “สติ” และ “กระทำ” สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเราให้เราตัดสินใจที่จะตัดอะไรและจะเก็บอะไรไว้ในวันที่เกิดปัญหาต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา
"การได้รับโอกาสในการได้ทำ เปรต อาบัติ หรือ อาบัติ Director’s Cut จึงเป็นการที่เราพยายามตกผลึกกับตนเองถึงสิ่งที่ต้องการจะเล่าอย่างจริงจังในสิ่งที่เคยกลัวและเลือกตัดทิ้งไปเองเสียก่อน จนถึงกระทั่งมีความจำเป็นต้องตัดและเลือกเล่าใหม่อีกครั้งเพื่อให้ได้ฉายตามข้อกำหนดนั้น ภาพรวมทั้งหมดแล้วเราต้องการจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้อย่างไร และจะเล่าอะไรกันแน่ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในความตั้งใจของตัวเราเอง และไม่ว่าภาพยนตร์เวอร์ชั่นนี้ที่จะออกสู่สายตาประชาชนจะเหมือนหรือแตกต่างจากเดิมมากน้อยแค่ไหนนั้น สิ่งที่เราตั้งใจตั้งแต่ต้นถึงเจตนาในการทำเรื่องนี้จะยังคงเดิมเสมอ นั่นคือการนำเสนอเรื่องราวของบาปบุญคุณโทษ และ ผลแห่งการกระทำในรูปแบบความเชื่อของเราซึ่งเป็นคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธและไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายแม้แต่น้อย"
แน่นอนว่า ใครที่เคยดูหนังเรื่องนี้แล้วก็คงมีคำตอบว่าจะเข้าโรงหนังดูอีกรอบหรือเปล่า แต่ใครที่ยังไม่ดูหากอยากดูเวอร์ชั่นจัดเต็ม สะท้อน "คนผ้าเหลืองร้อน" เข้ากับสถานการณ์ม็อบพระได้เป็นอย่างดี บางที เรื่องศรัทธากับความงมงาย มันมีเส้นแบ่งบางๆ ก็ได้ เพราะไปพิสูจน์กันว่าตีความเปรตแบบไหนและยังไงด้วยครับ!!