เปิดกรุรายได้ผู้ตัดสินฟุตบอล

คุณภาพของการทำงานต่างๆนั้น องค์ประกอบเรื่อง “รายได้” ถือเป็นแรงจูงใจในการทำงาน หรือแม้กระทั่งคัดกรองบุคลากรที่มีคุณภาพมาทำหน้าที่

ฟุตบอลลีกยุโรป โดยเฉพาะ “พรีเมียร์ลีก” ของอังกฤษ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นแบบมาตรฐานของการทำหน้าที่ผู้ตัดสิน ลองมาสำรวจกันหน่อยว่า ค่าจ้างของผู้ตัดสินในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง

 

องค์กรช่วยเหลือดูแลผู้ตัดสินของอังกฤษ

สำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016-2017 ตอนนี้มีผู้ตัดสินทั้งสิ้น 19 คน โดยขึ้นตรงกับหน่วยงานที่มีชื่อว่า “Professional Game Match Officials BOARD” หรือ “PGMOB”  หน่วยงานนี้จะเป็นผู้คัดเลือกผู้ตัดสินเพื่อขึ้นมาทำหน้าที่ในแต่ละปี ประเมินผลงาน ว่าใครควรจะได้ทำหน้าที่ในการแข่งขันระดับใด รวมไปถึงดูแลเรื่องค่าจ้างต่างๆด้วย

“PGMOB” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2001 หน่วยงานนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของผู้ตัดสินชั้นนำ เพื่อช่วยเหลือด้านต่างๆ นอกจากการพัฒนาคุณภาพต่างๆและการจัดระบบระเบียบแล้ว เรื่องสำคัญคือการมช่วยเป็นหลักประกันรายได้ให้บรรดาผู้ตัดสินในอังกฤษ

เพราะก่อนหน้านี้ผู้ตัดสิน จะขึ้นตรงกับ “สมาคมฟุตบอลอังกฤษ” หรือ เอฟเอ โดยตรง ค่าจ้างต่างๆก็แล้วแต่ที่ตกลง ซึ่งผู้ตัดสินบางคนมีอาชีพประจำอยู่แล้วการมาทำหน้าที่ตรงนี้อาจสูญเสียโอกาสหรือแม้กระทั่งรายได้จากอาชีพหลักด้วย ดังนั้น PGMOB จึงได้ผลักดันเรื่องของ “Retainer Fee”  ซึ่งเป็นเสมือนเงินประจำตำแหน่งหน้าที่ให้กับผู้ตัดสินทุกคนเป็นรายปี

 

เงินประจำตำแหน่งและค่าจ้าง

โดยปัจจุบันผู้ตัดสินในระดับพรีเมียร์ลีก จะได้เงินค่า “Retainer Fee”  ต่อปีอยู่ที่ 38,500 – 42,000 ปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 1.65 -1.8 ล้านบาท แล้วแต่การต่อรองของผู้แต่ละคน ขณะที่ค่าจ้างสำหรับการสินในแต่ละเกมนั้น จะอยู่ที่ 1,150 ปอนด์ หรือประมาณ 4.9 หมื่นบาทต่อเกม

ซึ่งโอกาสการได้รับคัดเลือกในการทำหน้าที่ตัดสินนั้นก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับผลงานและคุณภาพ โดยผู้ตัดสินหนึ่งคนมีโอกาสได้ทำหน้าที่ได้ตั้งแต่ 5-35 เกม

โดยขณะนี้  “ไมเคิล โอลิเวอร์” และ “แอนโทนี่ เทย์เลอร์” คือสองผู้ตัดสินที่ได้ทำหน้าที่ในพรีเมียร์ลีกสูงที่สุดในตอนนี้ที่ 24 นัด ตามมาด้วยอันดับสองคือ “โรเบิร์ต แมดเลย์” 23 นัด ส่วนคนที่ได้ทำหน้าที่น้อยที่สุดตอนนี้คือ “ลี โพรเบิร์ต” ที่ได้แสดงฝีมือเพียงแค่เกมเดียว

สำหรับข้อมูลอื่นๆนั้น  ผู้ช่วยผู้ตัดสิน และผู้ตัดสินที่ 4 จะได้ค่าจ้างต่อเกมอยู่ที่ 600 ปอนด์ (ได้ค่า Retainer Fee เช่นเดียวกัน) หรือประมาณ 2.5 หมื่นบาทต่อเกม

 

ขุมทรัพย์ในแชมเปี้ยสลีก

มีการเปิดเปิดเผยจากสื่อต่างประเทศว่า ผู้ตัดสินที่อยู่ในระดับลีกสูงสุดของอังกฤษ นั้นจะมีรายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 60,000-70,000 ปอนด์ หรือประมาณ 2.5-3 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าเป็นผู้ตัดสินที่มีชื่อเสียงระดับชั้นนำก็มีโอกาสที่จะทำรายได้ต่อปีสูงกว่าค่าเฉลี่ย

ยกตัวอย่างเช่น “ฮาเวิร์ด เว็บ” อดีตผู้ตัดสินชื่อดังชาวอังกฤษ ที่แขวนนกหวีดไปแล้วเมือปี 2014 จากการตรวจสอบรายได้ในฤดูกาล 2013-2014 พบว่า “เว็บ” มีรายได้จากอาชีพผู้ตัดสินอยู่ที่  120,000 ปอนด์ นั่นก็เพราะเว็บ มีรายได้จากการไปทำหน้าที่นอกเหนือจากฟุตบอลอังกฤษ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ในเกมการแข่งขันฟุตบอล “ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก”

ซึ่งถ้าหากมาดูค่าจ้างที่ทาง “ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก” มอบให้บรรดาผู้ตัดสินต่อเกมแล้วถือเป็นขุมทรัพย์ของคนทำอาชีพนี้อย่างแท้จริง โดยทางยูฟ่าถึงขนาดแบ่งเกรดค่าจ้างเอาไว้ถึง 5 ระดับ

โดยระดับแรกคือพวก “ชั้นน้ำ” ค่าจ้างต่อเกมจะอยู่ที่ 5,800 ปอนด์ หรือประมาณ 2.4 แสนบาท ระดับต่อมาคือ “ชั้นดี” จะอยูที่ 4,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1.7 แสนบาท ต่อมาคือ “ระดับที่หนึ่ง” จะอยู่ที่ 2,600 ปอนด์ หรือประมาณ 1.1 แสนบาท “ระดับที่สอง”  1,500 ปอนด์ หรือประมาณ 6.4 หมื่นบาท และ “ระดับที่สาม” 1,000 ปอนด์ หรือประมาณ 4.2 หมื่นบาท ซึ่งบรรดาผู้ช่วยผู้ตัดสินและผู้ตัดสินที่สี่ ก็ถูกแบ่งระดับไว้ด้วยเกณฑ์แบบเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าค่าจ้างก็จะลดหลั่นกันลงมาในแต่ละระดับ

 

“ลา ลีกา” อันดับหนึ่งด้านค่าจ้าง

ล่าสุดทางสื่ออังกฤษมีการเปิดเผยข้อมูลรายได้ผู้ตัดสินในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้พบว่า “มาร์ติน แอตกินสัน” และ “มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก”  เป็นผู้ตัดสินที่มีรายได้สูงสุดอยู่ที่ 120,000  ปอนด์ หรือประมาณ 5.1 ล้านบาทต่อปี ส่วนอันดับที่สองคือ “ไมค์ ดีน” มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 100,000 ปอนด์ หรือประมาณ 4.2 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามค่าจ้างของผู้ตัดสินในอังกฤษ แม้ว่าจะมีเรื่อง Retainer Fee ที่หลายประเทศในยุโรปยังไม่มี แต่เมื่อเทียบกับ ลีกใหญ่ๆในยุโรปอื่นๆ ก็ยังถือว่าน้อย โดยเฉพาะเรื่องค่าจ้างต่อเกม  1,150 ปอนด์ นั้นยังน้อยกว่าลีกใหญ่ๆ ที่อื่นเป็นเท่าตัว

ฟุตบอล “ลา ลีกา” ของสเปน  จ่ายค่าจ้างต่อเกมให้กับผู้ตัดสินอยูที่ 4,700 ปอนด์ หรือประมาณ 2 แสนบาท ด้าน “บุนเดสลีกา” ของเยอรมนี  2,900 ปอนด์ หรือประมาณ 1.2 แสนบาท ขณะที่ “กัลโช่ เซเรียอา” ของอิตาลี 2,800 ปอนด์ หรือประมาณ 1.2 แสนบาท และ “ลีก เอิง” ของฝรั่งเศส 2650 ปอนด์ หรือประมาณ 1.1 แสนบาท

การจัดการเรื่องรายได้ของลีกยุโรปแต่ละแห่งก็แตกต่างกันออกไป แนวทาง “Retainer Fee” ของพรีเมียร์ลีก ก็เพื่อเป็นกระจายรายได้ให้กับคนที่มีเกมตัดสินน้อย ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ผู้ตัดสินชื่อดัง

ขณะที่ ลา ลีกา เน้นการแข่งขันแม้กระทั่งผู้ตัดสิน ใครที่ทำหน้าที่ได้ดีก็มีโอกาสมากตามไปด้วย ส่วนใครที่ไม่มีคุณภาพก็ลำบากหน่อย หรือ “อ่อนแอก็แพ้ไป” นั่นเอง