‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 32.17 บาทต่อดอลลาร์
ตลาดการเงินทั่วโลกปิดรับความเสี่ยง นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และหันลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.17 บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงสิ้นวันทำการก่อน
ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินทั่วโลกยังคงปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) ดัชนี S&P500 ในสหรัฐปรับตัวลง 2.83% เช่นเดียวกับดัชนี Euro Stoxx 50 ในยุโรปที่ร่วงลง 1.29% ภาพตลาดดังกล่าว ส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปีไหลลงสู่ระดับ 2.55% และบอนด์ยิลด์ญี่ปุ่นอายุ 10ปีกลับสู่ระดับติดลบครั้งแรกในรอบ 2ปี
สิ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความกังวล คือเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ล่าสุดหุ้นของบริษัท Apple ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปีครึ่งเนื่องจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ซึ่งตลาดมองว่าเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจจีน และในอนาคตจะต้องมีบริษัทอื่นๆ ทั้งฝั่งสหรัฐและจีนที่พบกับความเสี่ยงเดียวกันเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐก็ถือว่าไม่เป็นบวกกับตลาดทุน ล่าสุดดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM Manufacturing PMI) ร่วงลงมาที่ระดับ 54.1จุด จากระดับ 59.3จุดในเดือนก่อน เป็นการปรับตัวลงแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 พร้อมกันนี้ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ในสหรัฐ (Initial Jobless Claims) ก็ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 2.31 แสนตำแหน่ง สร้างความกังวลให้กับตลาด โดยมีเพียงตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) ที่ขยายตัวแรงเกินคาด 2.71 แสนตำแหน่งในเดือนธันวาคมมาช่วยประคองมุมมองเศรษฐกิจไม่ให้แย่ลงไปกว่านี้
ด้านเงินบาทและตลาดเงินเอเชีย ชัดเจนว่านักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะถือสินทรัพย์ปลอดภัย เห็นได้จากการแข็งค่าของเงินเยน 1.83% ตั้งแต่ต้นปี เป็นสัญญาณว่าตลาดทุนปิดรับความเสี่ยงอย่างมาก
เชื่อว่าอารมณ์ของตลาดจะยังแปรปรวน เว้นแต่การจ้างงานของสหรัฐ (Non-farm payrolls)ในคืนนี้จะปรับตัวขึ้นได้แรงใกล้เคียงกับการจ้างงานภาคเอกชน อาจส่งผลให้ดอลลาร์หยุดอ่อนค่าและนักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดบ้างในระยะสั้น
มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ที่ 32.10-32.20บาทต่อดอลลาร์
นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลงได้เร็วกว่าคาด นอกจากนี้มุมมองดังกล่าวยังสะท้อนผ่านแรงเทขายหุ้นสหรัฐฯอย่างหนัก รวมถึงการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐซึ่งน่าสนใจว่า ตลาดมองว่าเฟดอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้และเฟดอาจจะสามารถลดดอกเบี้ยได้(โอกาสลดดอกเบี้ย 50%) โดยตลาดมองว่าเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในช่วงไตรมาสที่2 ของปี2563
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอจับตาตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ รวมทั้งอัตราว่างงาน เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ นอกเหนือจากตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าง สิ่งที่ควรจับตามองคือ มุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดผ่านถ้อยแถลงของประธานเฟด รวมทั้งหนึ่งในคณะกรรมการFOMC อย่าง Fed Bostic
มองเงินบาทวันนี้มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 32.08-32.23บาทต่อดอลลาร์