sideway
SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากแนวโน้มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เริ่มคลี่คลายลง
ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกปรับลดปริมาณกำลังผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หนุนกลุ่ม ENERG ช่วยพยุงตลาด แม้จะถูกกดดันโดยกลุ่มโรงพยาบาลก็ตาม นอกจากนี้ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 2,861 ลบ. ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,588.38 จุด (+4.61 จุด) Volume 4.5 หมื่นลบ. จาก Foreign Net -1,145.74 ลบ. TFEX Net +6,311 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ +238 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+นายกฯอังกฤษยันไม่สนับสนุนการแยกตัวออกจาก EU โดยไร้ข้อตกลง
-IMF หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.5% ปีนี้, 3.6% ปีหน้า
- เศรษฐกิจจีนโตต่ำสุดในรอบ 28 ปี ปี 2561 ทั้งปีโต 6.6% ขณะที่ไตรมาสสี่โต 6.4% (ที่มาข่าวหุ้น)
- พาณิชย์ เผยส่งออก ธ.ค. หดตัว -1.72% จากตลาดคาด -0.6% ภาพรวมทั้งปีขยายตัว 6.7%
ตลาดหุ้นและน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 21 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ MTD 2.26 พันล้านบาท ค่าเงินบาท 31.8 บาท/US
คาดดัชนี SET วันนี้มีโอกาสปรับตัวลงก่อนเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและ IMF ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลง อย่างไรก็ตามมีโอกาสรีบาวด์ได้สูงเนื่องจากเงินยังคงไหลเข้าจากเงินบาทที่ยังแข็งค่า คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580-1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- ขยายเวลา VOA AOT CENTEL ERW
- EU ปลดไทยออกจากธงเหลืองด้านประมง TU CFRESH ASIAN
- High Div : KAMART SIRI SNC ORI DIF BTSGIF SC MC AIT QH KKP TKS
- CPALL MAKRO ช็อปตรุษจีน
- หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI
หุ้นแนะนำพิเศษ
SCB Analyst Meeting (ราคาปิด 128.5 Bloomberg Consensus 148.84)
- ปี 61 มีกำไรสุทธิ 4 หมื่นลบ. -7%YoY เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ 5% จากการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตอล ธุรกิจประกันชะชอตัว และคชจ.ในโครงการ transformation อย่างไรก็ดี รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.5% แม้ NPL เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อSME แต่ %NPL ที่ระดับ 2.85% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ระดับ 2.83% ขณะที่การตั้งสำรองพิเศษส่งผลให้ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นสู่ 147% จาก 137% ในปีก่อนหน้า
- ปี 62 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5-7% ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 61ที่เติบโต 5.2% NIM 2-3.35% ใกล้เคียงกับปี 61 อยู่ 3.21% และคาดรายได้ที่ไม่ได้ดอกเบี้ยจะพลิกเติบโตราว 5% จากที่หดตัว 2 ปีติดกัน เป้า cost to income ratio 45% ลดลงจากระดับ 46.8% ในปี 61 แต่สูงกว่าปี 60 ที่ระดับ 42.3% เนื่องจากยังมีคชจ.โครงการ transformation ต่อเนื่องจนถึงปี 63ด้านคุณภาพสินทรัพย์ตั้งเป้าเพดาน %NPL ที่ 3% credit cost 115-135 bps เทียบกับ 115 bps ในปี 61 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวที่ได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและโครงการลงทุนของภาครัฐและเอกชน และโครงการ transformation จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิตอลได้ดี
หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : CAZ (ราคา IPO 3.90 บาท)
ตลาด mai /รับเหมาก่อสร้าง
- บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจของบริษัทมีให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการบริหารจัดการงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี โดยช่วง 9M61 มีรายได้และกำไรสุทธิเท่ากับ 1,061.8 ลบ. +6%YoY และ 39.3 +549.2%YoY ตามลำดับ เนื่องจากการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมี Backlog ณ ปลาย ก.ย 61 อีกราว 2,800 ลบ.
CAZ มีโครงสร้างรายได้ ดังนี้
1. รับเหมาก่อสร้างครบวงจร (EPC Service) มีสัดส่วนรายได้ 5%
2. รับเหมาก่อสร้างติดตั้งโครงสร้างและระบบ (Construction SMP & E&I) มีสัดส่วนรายได้ 8%
3. ให้บริการด้านวิศวกรรม (Civil & Building Service) มีสัดส่วนรายได้ 24%
4. ผลิตและบริการอื่นๆ 4.6%
- จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 72 ลบ.โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแก่ธนาคารจำนวน 100 ลบ. 2) เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 152.72 ลบ. และ 3) ซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ 40 ลบ.
- ราคา IPO คิดเป็น Current PER ราว 20 เท่า น้อยกว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่มี PER เฉลี่ยที่ 27.88 เท่า มีนโยบายจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
หุ้นมีข่าว
WP Analyst Meeting ราคาปิด 5.10 บาท “มุมมองบวกระยะยาว”
ดำเนินธุรกิจจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภายใต้แบรนด์ เวลิดแก๊ส สำหรับภาคครัวเรือน ภาคยานยนต์ และภาคอุตสาหกรรมเป็นสัดส่วน 49% 42% และ 9% ตามลำดับ โดยรายได้ 9M61 อยู่ที่ 10,997 ล้านบาท -8%YoY แต่กำไรสุทธิปรับตัวขึ้นสู่ 250 ล้านบาท +83%YoY เนื่องจากสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นทำให้ต้นทุนขายปรับตัวลงจากระดับ 96.2% ใน 9M60 สู่ 94.4% ใน 9M61
คาด 4Q61 ผลประกอบการอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากยอดขายทรงตัวแต่มีค่าใช้จ่ายในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเข้ามากดดัน อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวขึ้น YoY เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนใน 4Q60
ผู้บริหารคาดปี 62 จะรับรู้รายได้จากบริษัท Thaigas หลังให้บริษัทลูกเข้าลงทุนในหุ้น 80% อีกทั้งคาดว่าจะขายที่ดินในกรุงเทพฯ มูลค่า 100 ล้านบาทในปีนี้ช่วยหนุนให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีขาดทุนสะสมส่งผลให้ในปี 62 แม้ว่าผลประกอบการจะออกมาดีขึ้นกว่าปี 61 แต่อาจยังไม่มีการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจหลักสามารถสร้างกำไรได้สม่ำเสมอ อีกทั้งหุ้นซื้อขายที่ PE เพียง 10 เท่า
+ บอร์ด J อนุมัติลงทุนคอมมูนิตี้ มอลล์ ใกล้นิคมฯอมตะนคร มูลค่าโครงการรวมค่าเช่าที่ดิน 411.53 ลบ.
+ CHG เผยรพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ เซ็นสัญญารพ.บางพลี เพิ่มศักยภาพดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด มูลค่าสัญญา 187.44 ลบ.
+ GUNKUL ยันไม่กระทบจากโซลาร์ฟาร์มล้างท่อในญี่ปุ่น หลังโครงการที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้ว
+ BTS BEM บอร์ด PPP เห็นชอบหลักการให้เอกชนร่วมลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี ในรูปแบบ PPP Net Cost
+ PTT "ฟินันซ่า" ที่ปรึกษา คาด PTTOR ระดมทุนเกิน 5 หมื่นลบ. คาดเสนอขาย IPO พร้อมเข้าเทรด Q3/62 (ที่มา :IQ)
+ PSTC ขายหุ้นทั้ง 100% ใน "BGE 4" ผู้ผลิตไฟฟ้าชีวมวล 0.99 MW มูลค่า 8.5 ล้านบาท
+ DCORP เผย"เดอะมาร์เวลเอ็กซ์พีเรียนซ์ไทยแลนด์"จะหยุดดำเนินการ 29 ม.ค.นี้ หลังมีปัญหาสภาพคล่องการเงิน
แบงก์ธนชาต เผยกรณีควบรวม TMB อยู่ระหว่างการศึกษาของ ผถห.ยังไม่คืบ-ยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจน
GPSC จะเข้าซื้อหน่วยผลิตไฟฟ้าขนาด 250 MW โครงการ CFP ของ TOP มูลค่าราว 2.41 หมื่นลบ. คาดเกิดขึ้นในช่วง Q3/66 (ที่มา :IQ)
SCI จะตั้งบ.ร่วมทุนถือหุ้น 49% ทำธุรกิจค้า-ให้เช่าโทรศัพท์มือถือ-อะไหล่ คาดแล้วเสร็จภายใน Q2/62(ที่มา :IQ)