เอสทีพีไอราคาหุ้นพุ่งแรง หลังชนะข้อพิพาทจ่อบันทึกกำไร 2.6 พันลบ.
“เอสทีพี แอนด์ ไอ” ราคาหุ้นพุ่งทำนิวไฮรอบกว่า 4 เดือน หลังชนะข้อพิพาทกับคู่สัญญาในต่างประเทศ จ่อรับเงินค้างชำระตามที่ฟ้องร้องราว 2.6 พันล้านบาท ฟากโบรกฯ คาดปีนี้ส่อพลิกมีกำไรปกติได้ แต่จะอยู่ในระดับต่ำ หลังหั่นประมาณการงานใหม่ลง
วานนี้ (11 มี.ค.62) พบว่าราคาหุ้น บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ปรับตัวเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก โดยปิดตลาดที่ระดับ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.51 บาท หรือ +11.23% มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 132 ล้านบาท โดยระหว่างวันราคาหุ้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 5.50 บาท ซึ่งถือว่าทุบสถิตินิวไฮในรอบ 4 เดือน 11 วัน
ขณะที่ STPI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่าตามที่บริษัทรายงานว่าบริษัทมีข้อพิพาทกับคู่สัญญาต่างประเทศรายหนึ่ง สำหรับยอดลูกหนี้การค้าที่ค้างชำระและคณะอนุญาโตตุลาการ ได้พิจารณาตามขั้นตอนตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2560 โดยคู่สัญญาดังกล่าวได้เรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทมาจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2562 คณะอนุญาโตตุลาการได้ตัดสินให้คู่สัญญาต่างประเทศจ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาที่ค้างชำระต่อบริษัททั้งหมด ตามจำนวนที่บริษัทฟ้องร้องประมาณ 83.3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือเทียบเท่าประมาณ 2,600 ล้านบาท รวมถึงได้ยกฟ้องส่วนของค่าเสียหายที่คู่สัญญาดังกล่าวเรียกร้องมาทั้งจำนวน ส่วนดอกเบี้ยและค่าชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีที่บริษัทเรียกร้อง คณะอนุญาโตตุลาการจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
โดยบริษัทจะดําเนินการขอรับชําระเงินตามคําตัดสินโดยไม่ชักช้าและจะรายงานความคืบหน้าต่อท่านเมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ดียังคงมีความไม่แน่นอนว่าบริษัทจะสามารถได้รับเงินตามคําตัดสินเมื่อใด อันเป็นความเสี่ยงตามปกติของการบังคับคดีและการเก็บเงินจากลูกหนี้การค้าหลังกระบวนการอนุ ญาโตตุลาการ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ประเมินปี 2562 ผลประกอบการ STPI อาจพลิกมีกำไรปกติได้ แต่จะอยู่ในระดับต่ำ จากการปรับประมาณการงานใหม่ลง และปรับการรับรู้รายได้จากงานขนาดใหญ่เป็นขนาดเล็ก และมีแรงกดดันจากโอกาสที่จะไม่ได้งานจาก Canada LNG ทำให้ตลาดค่อนข้างกังวลกับทิศทางผลประกอบการอีกแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมายปี 62 อยู่ที่ 4.4 บาท
ด้านบทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุ แม้ไตรมาส 4/61 จะทำผลงานขาดทุนน้อยกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะมียอดขายเปิดจำหน่ายเครื่องจักรก่อสร้างเพิ่มขึ้น แต่ในปีนี้ผลงานจะยังคงขาดทุนต่อเนื่องอยู่ โดยปี 2563 อาจจะมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้ หากชนะงานประมูลงานเพียงหนึ่งโครงการจากโครงการขนาดใหญ่ 4 งานมูลค่า 2.9 หมื่นลบ. ซึ่งจะทยอยประกาศผลในไตรมาส 1/62 เป็นต้นไป แนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท