ไอเอ็มเอฟแนะทั่วโลกเตรียมรับมือศก.ชะลอตัว
รัฐบาลของประเทศต่างๆ ควรได้รับการแนะนำให้ดำเนินนโยบายการคลังที่ "ชาญฉลาดและคล่องตัวมากขึ้น" เพื่อช่วยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ขณะที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี โลกาภิวัตน์ และประชากรศาสตร์ " นายแกสปาร์ กล่าว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นนั้น การดำเนินนโยบายการคลังควรจะเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะซบเซาลง สร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายการขยายตัวและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
“ผู้ตัดสินใจด้านนโยบายการคลังควรคำนึงถึงอัตราหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น ความผันผวนทางการเงิน และความเสี่ยงขาลงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ปรับเงินเฟ้อ” วิเตอร์ แกสปาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการการคลังของไอเอ็มเอฟ ระบุในการแถลงข่าวการรายงานจับตานโยบายการคลัง ซึ่งรายงานดังกล่าวมีการรายงานทุกๆ 2 ปี
นายแกสปาร์ระบุว่า “ระดับหนี้สาธารณะในทุกกลุ่มประเทศ เพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนเกิดวิกฤติการเงินโลก”
ไอเอ็มเอฟ ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้ลงสู่ 3.3% ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงขาลง
“สำหรับประเทศส่วนใหญ่นั้น สำนักงานด้านการคลังต้องเตรียมพร้อมต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือวิกฤติการเงินครั้งใหม่” นายแกสปาร์ระบุ และเสริมว่า ประเทศที่มีสถานการณ์เฉพาะนั้นมีความสำคัญมาก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทีมงานวิจัยของไอเอ็มเอฟแนะนำให้ประเทศที่มีหนี้สินสูง ทำการเพิ่มรายได้หรือควบคุมการใช้จ่ายส่วนเกิน ขณะที่ในสถานการณ์ที่มีความวิตกน้อยกว่าเกี่ยวกับการระดมทุนนั้น ผู้กำหนดนโยบายอาจสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือการศึกษาเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในระยะใกล้ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงไม่กี่สิบปีข้างหน้า
“งานเชิงวิเคราะห์และเชิงประจักษ์ของเราได้แสดงให้เห็นหลายครั้งว่า ประเทศที่สร้างความยืดหยุ่นทางการเงินสาธารณะในเวลาที่ดีนั้น อยู่ในสถานะที่ดีขึ้นอย่างมากในการจัดการกับความท้าทายในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้” นายแกสปาร์เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว “เป็นนโยบายที่ดีในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่เลวร้ายในอนาคต”