จีนยืนยันเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐ
แม้“ทรัมป์”ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 25%
นายเกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวันจันทร์ (6พ.ค.) ว่า คณะเจรจาการค้าของจีนกำลังเตรียมการเดินทางไปวอชิงตันเพื่อเจรจาการค้ากับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐในวันพุธ(8 พ.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีของจีน จะร่วมคณะไปด้วยหรือไม่
ด้านนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ ยืนยันว่า นายหลิว เหอ จะยังคงเป็นผู้นำคณะผู้แทนเจรจาการค้าของจีนร่วมหารือกับสหรัฐในวันพุธตามกำหนด
ถ้อยแถลงของโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ถือเป็นการยืนยันว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐต่อไป หลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐขู่ขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ปลายสัปดาห์นี้ หวังกดดันการเจรจาการค้าช่วงโค้งสุดท้าย
ผู้นำสหรัฐ ระบุว่า ภาษีศุลกากรอัตรา 10% ที่เก็บจากสินค้าเข้าของจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ จะถูกปรับเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่วันศุกร์ (10พ.ค.) โดยทรัมป์เคยขู่ลักษณะนี้มาแล้วช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ก็ยอมเลื่อนการขึ้นภาษีนี้ออกไป โดยบอกว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้า
นายทรัมป์ สั่งเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มในอัตรา 25% กับสินค้าจีนรวมมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ไปในช่วงกลางปี 2561 จากนั้นก็สั่งเก็บภาษี 10% จากสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งสินค้าล็อตนี้คือสินค้าที่ทรัมป์ประกาศว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเป็นอัตรา 25%
ประธานาธิบดีสหรัฐยังขู่ว่า อาจขึ้นภาษีในอัตรา 25% กับสินค้าจีนอีกล็อตที่มีมูลค่า 325,000 ล้านดอลลาร์ในเร็วๆนี้ด้วย ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงๆ ก็เท่ากับว่าสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุกรายการ
อย่างไรก็ตาม การประกาศครั้งล่าสุดของทรัมป์ สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับที่ผู้นำสหรัฐระบุเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ค.) ว่า การหารือกับจีนเป็นไปด้วยดี และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเจรจา ย้ำว่า การหารือรอบก่อนหน้านี้ที่ปักกิ่งประสบผลสำเร็จ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอีกคนก็ยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเดือนมิ.ย.นี้
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าของจีนรายหนึ่ง ให้ความเห็นว่า สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งของจีนและของสหรัฐ ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความมั่นใจมากเกินไป และมีแนวโน้มว่า สงครามการค้าจะยืดเยื้อต่อไป
ปีที่แล้ว สงครามการค้าทำให้จีนและสหรัฐสูญเสียเม็ดเงินไปหลายพันล้านดอลลาร์ ทั้งยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมากมาย ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรรม และความเสียหายนี้ยังลุกลามไปยังประเทศและบริษัทที่พึ่งพิงการส่งออกตั้งแต่ญี่ปุ่นไปจนถึงเยอรมนี
ขณะที่นักวิเคราะห์จากเจ.พี. มอร์แกน แอสเส็ต แมเนจเมนต์ ให้ความเห็นว่า รัฐบาลจีนพร้อมเดินออกจากโต๊ะเจรจา ถ้าสหรัฐใช้กลยุทธ์การเจรจาที่จีนไม่เห็นด้วย