ปล่อยผี 349 ส.ส.เขต กกต.ลั่นรับรองก่อนสอยทีหลัง
กกต.ปล่อยผี 349 ส.ส.เขต อ้างมีสำนวนค้านผลเลือกตั้ง 400 สำนวน แต่มีอำนาจสอยภายใน 1 ปี ปัดตอบประเด็นประสิทธิภาพจัดเลือกตั้งต่ำหลังแจกใบส้มได้เพียงใบเดียว เผยเตรียมรับทุกสถานการณ์ รองรับคำสั่งศาล รธน.วินิจฉัยคำนวณปาร์ตี้ลิสต์
นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. แถลงว่าในวันนี้ คณะกรรมการ กกต. ได้ออกประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยประกาศผู้ซึ่งได้รับการเลือกตั้ง จำนวน 349 คน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และขอให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ารับหนังสือรับรอง (ส.ส.6/4) ที่สำนักงานกกต.ได้ตั้งแต่วันนี้ (7พ.ค.) เป็นต้นไป โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ ภายในเวลา 08.30 16.30 น. สำหรับคำร้องคัดค้านต่างๆ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นมี 2-3 เหตุ เช่น มีเหตุตามกฎหมายหรือไม่ กระบวนการพิจารณามีความยากง่าย, ข้อเท็จจริงฟังได้อย่างไร ยกตัวอย่างกรณีร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติ มีการยื่นเข้ามาเกือบ 50 เรื่อง เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีร้องเข้ามากว่า 10 เรื่อง ในขั้นตอนการตรวจของ กกต. จะตรวจสอบไปยัง 23 หน่วยงาน แต่เมื่อมีผู้มาร้องเป็นเรื่องระเบียบการสืบสวน ที่ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงและนำหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นคนละช่องทางกัน เรื่องร้องคัดค้านจึงต้องมีกระบวนการพิจารณาและใช้เวลา
เมื่อถามว่าการรับรองในวันนี้สามารถไปสอยทีหลังเมื่อพบเหตุใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อประกาศรับรองไปแล้ว กกต. ยังมีอำนาจตามกฎหมาย ภายใน 1 ปีสามารถสั่งเลือกตั้งใหม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะมีผลเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.พึงมีได้ โดย กกต. จะพิจารณาให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้มีเรื่องร้องคัดค้านหลายกรณี ทั้งประเด็นคุณสมบัติ เหตุร้องว่าการเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม รวมแล้วประมาณ 400 เรื่อง ซึ่งได้พิจารณาแล้วเสร็จไปมากพอสมควร
เมื่อถามว่า กฎหมายให้อำนาจ กกต.ค่อนข้างมาก แต่มีการแจกใบส้มที่เขต 8 จ.เชียงใหม่ เพียงใบเดียวซึ่งจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการจัดการเลือกตั้งของกกต. หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เราได้ตรวจสอบเบื้องต้นตามกฎหมายและประกาศผลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส มาตรา 125 และมาตรา 127 เมื่อมีการกล่าวหาเขายังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ต้องให้เขามีโอกาสชี้แจงหลักฐานก่อนว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหาเป็นจริงหรือไม่ ส่วนจำนวนที่ประกาศรับรองต้องให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95
เมื่อถามย้ำว่าการประกาศรับรองไปก่อน อาจทำให้ประชาชนทั่วไปมองว่าการสอยอาจไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว นายแสวง กล่าวว่า ในประเด็นคุณสมบัติ หากวันนี้ตรวจสอบพบว่าผิด อีก 1 เดือนก็ยังผิดเพราะเป็นเรื่องหลักฐาน ที่มีความชัดเจน แต่ประเด็นเรื่องคุณสมบัติมีการร้องคัดค้านเข้ามาประมาณ 50 ราย หากจะกันเอาไว้บางส่วนก็จะเป็นปัญหาเพราะถูกร้องมาในเรื่องเดียวกัน เช่นเดียวกับผู้ที่ถูกร้องเรื่องทุจริตการเลือกตั้งจะผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากฟังได้ว่ามีความผิด กกต. จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณา
เมื่อถามอีกว่า กกต. สามารถให้ใบส้มและใบเหลืองได้เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อว่ากระทำความผิด แต่ยังไม่มีการแจกแล้วจะรอให้คดีไปถึงศาล ซึ่งต้องมีหลักฐานที่หนักแน่นกว่า จะทำให้ยากขึ้นหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เหตุที่จะสั่งให้ใครได้รับใบเหลือง หรือส่งให้ศาลให้ใบแดงและใบดำ ขึ้นอยู่กับเหตุในการร้องและข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ มีหลักฐานอันควรเชื่อหรือไม่ ซึ่งเราอยู่ข้างนอกตรงนี้ไม่มีใครทราบว่าหลักฐานมีอะไรบ้าง แต่เชื่อว่า กรรมการ กกต. จะวินิจฉัยด้วยความรอบคอบ
เมื่อถามว่าการประกาศรับรอง ส.ส.เขต 349 คน จะมีผลให้การรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบทั้งหมดหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ต้องดูการคำนวณ ขณะนี้มีพรรคการเมืองที่มีคะแนนบัญชีรายชื่อ จำนวน 74 พรรค ซึ่งคะแนน ณ วันที่ 28 มี.ค. กับคะแนนก่อนวันคำนวณจะแตกต่างกัน เพราะมีการสั่งเลือกตั้งใหม่และนับคะแนนใหม่ในบางหน่วยเลือกตั้ง รวมทั้งสั่งไม่ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกหลายราย ซึ่งจะมีผลให้คะแนนถูกตัดออก อีกทั้งไม่ทราบว่า การประชุมในวันที่ 5 - 6 พ.ค. ที่ผ่านมา กรรมการ กกต. ได้สั่งให้ผู้สมัครคนใดไม่เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเพิ่มอีกหรือไม่ ถ้ามีก็จะกระทบกับคะแนนและอัตราส่วนบ้าง จึงต้องมีการคำนวณจากคะแนนใหม่ ซึ่งรับรองว่ากกต.จะประกาศรับรองไม่เกินวันที่ 9 พ.ค.
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นวิธีคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อออกมาเป็นลบ หรือไม่เป็นไปตามที่กกต.กำหนดจะเกิดอะไรขึ้น นายแสวง กล่าวว่า ในทางการบริหารสำนักงาน ได้เตรียมไว้ทุกอย่างแล้ว เราต้องเตรียมตั้งรับสถานการณ์ไว้ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งออกมาลักษณะใด ก็ต้องมีวิธีการบริหารของสำนักงานเสนอให้ กรรมการกกต. อย่างไรก็ตามต้องดูคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกกต.ประกาศรับรองผล สำนักงานกกต.ได้จัดเจ้าหน้าที่มารอมอบหนังสือรับรองให้กับส.ส.ใหม่ ซึ่งปรากฎว่า นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย ได้ส่งตัวแทนนำหนังสือมอบอำนาจ มาติดต่อเพื่อของรับหนังสือรับรอง แต่ขาดสำเนาบัตรประชาชนของนายอุบลศักดิ์จึงรอให้ทีมงานรอนำเอกสารดังกล่าวมายื่นเพิ่มเติม ขณะที่น.ส.จิราภรณ์ สินธุไพร บุตรสาวของนายนิสิต สินธุไพร อดีตแกนนำนปช. ซึ่งเป็นส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคเพื่อไทย ลงสมัครครั้งแรกและได้รับการเลือกตั้งโดยในพื้นที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน ได้เดินทางมาติดต่อขอรับหนังสือรับรอง โดยระบุว่า ได้ทราบข่าวว่ากกต.ประกาศรับรองผลแล้วและสามารถรับใบรับรองผลได้ทันที ตนเพิ่งลงเครื่องและเดินทางมาทำธุระในกทม.จึงมารับใบรับรองก่อน เพราะในวันพรุ่งนี้มีภารกิจในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ส่วนการรายงานตัวต่อสภาฯจะทำพร้อมกับส.ส.ของพรรค
อย่าไรก็ตาม สำหรับรายชื่อ ส.ส.ที่ กกต.ประกาศรับรอง 349 คน แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 136 คน พรรคพลังประชารัฐ 97 คน พรรคประชาธิปัตย์ 33 คน พรรคภูมิใจไทย 39 คน พรรคอนาคตใหม่ 30 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 6 คน พรรคประชาชาติ 6 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน และพรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน