วิจัยสารสกัดจากกะเพรา ศึกษาฤทธิ์ลดไขมัน ปกป้องเซลล์ตับ ฆ่าเซลล์มะเร็ง

วิจัยสารสกัดจากกะเพรา ศึกษาฤทธิ์ลดไขมัน ปกป้องเซลล์ตับ ฆ่าเซลล์มะเร็ง

วว. จับมือ "ซีพี ออลล์" วิจัยสารสกัดจากกะเพรา ศึกษาฤทธิ์ลดไขมัน ปกป้องเซลล์ตับ ฆ่าเซลล์มะเร็ง

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ  ซีพี ออลล์  ลงนามความร่วมมือ การวิจัยและพัฒนาการเตรียมสารสกัดจากส่วนคัดทิ้งของกะเพรา (ดอก กิ่ง ก้าน และลำต้น) จากโรงงานผลิตอาหารพร้อมรับประทานและการศึกษาฤทธิ์ลดไขมัน ปกป้องเซลล์ตับ ฆ่าเซลล์มะเร็ง สานต่อปณิธานอันมุ่งมั่นของซีพี ออลล์ “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน”        ที่จะร่วมพัฒนาสิ่งแวดล้อม ชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง  

  5_4

         ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงนโยบายขององค์กรและวัตถุประสงค์ความร่วมมือว่า  วว. มุ่งดำเนินงานด้านวิจัย พัฒนา วิเคราะห์ ทดสอบ สอบเทียบ  การถ่ายทอดเทคโนโลยี ทั้งเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม รวมถึงความร่วมมือทางวิชาการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมนวัตกรรม และขีดความสามารถในการแข่งขัน   เพื่อนำไปใช้ในการสนับสนุน ส่งเสริม และร่วมดำเนินการ   กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเชิงบูรณาการตลอดจนมีการพัฒนาเครือข่ายในการพัฒนางานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) อย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาของภาคเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ วทน.เป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญ ซึ่งมีความสอดคล้องกับพันธกิจของ บมจ. ซีพี ออลล์ ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ และเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ  

1_14

           “วัตถุประสงค์ความร่วมมือของโครงการวิจัยและพัฒนาการเตรียมสารสกัดฯ ในครั้งนี้ มุ่งวิจัยและพัฒนา     การเตรียมสารสกัดจากส่วนคัดทิ้งของกะเพรา ได้แก่ ดอก กิ่ง ก้าน และลำต้น จากโรงงานผลิตอาหารพร้อมรับประทานซีพีแรม  ซึ่งศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร  วว. จะทำการศึกษาฤทธิ์ลดไขมัน ปกป้องเซลล์ตับ  ฆ่าเซลล์มะเร็ง ผ่านการดำเนินการร่วมกับบมจ. ซีพี ออลล์  โดย วว. จะนำศักยภาพความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและให้บริการวิเคราะห์ทดสอบด้านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรที่ได้มาตรฐานยอมรับในระดับสากลและสนองตอบ ต่อความต้องการของลูกค้ามากว่า 56 ปี เข้ามาร่วมต่อยอดองค์ความรู้ในการพัฒนาด้านต่างๆ ภายใต้โครงการ  ให้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม” ผู้ว่าการ วว. กล่าว  

 

4_8  

“กะเพรา”  ถือได้ว่าเป็นพืช และสมุนไพรไทยที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ คนไทยนิยมนำมาประกอบอาหารเป็นเมนูจานเด็ดอย่างเช่น ผัดกะเพรา เป็นเมนูยอดนิยมของคนไทยมายาวนาน

  6_3

ข้าวกะเพราถือเป็นอีก  1 เมนูยอดฮิตของร้านเซเว่นฯ ที่ผู้บริโภคนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ผลิตโดย “ซีพีแรม” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทานในกลุ่มธุรกิจซีพี ออลล์ ซึ่งในกระบวนการผลิต ยังมีส่วนของการคัดแยกใบกะเพรา และมีส่วนคัดทิ้งคือดอก กิ่ง ก้าน และลำต้น ซีพี ออลล์จึงเกิดแนวคิดที่จะนำส่วนที่คัดทิ้งดังกล่าวมาทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม

2_23

ทางด้านนายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู  กรรมการบริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย  กล่าวว่า ทุกวันนี้กะเพราเป็นวัตถุดิบหลักของอาหารกล่องพร้อมรับประทาน ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญในแง่ความมั่นคงของอาหาร  อีกทั้งซีพีแรม บริษัทในกลุ่มบริษัทซีพี ออลล์ ยังได้ศึกษา วิจัย ค้นคว้าสายพันธุ์กะเพราที่มีความหอม รสชาติเผ็ด จนพบสายพันธุ์กะเพราพื้นบ้านที่ดีที่สุด และได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงงานผลิตอาหารพร้อมรับประทานของซีพีแรม ร่วมกันปลูก เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวภายใต้โครงการ “เกษตรกรคู่ชีวิต”  ทำให้มีใบกะเพราที่ดี มีคุณภาพ ไปปรุงอาหารให้ผู้บริโภคได้รับประทานและส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่ในกระบวนการผลิตอาหารพร้อมรับประทาน กะเพรายังมีส่วนคัดทิ้ง ได้แก่ ดอก กิ่ง ก้าน และลำต้น อีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์

8_1

“การต่อยอดนำส่วนคัดทิ้งของกะเพรามาทำให้เกิดประโยชน์ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ     และสังคม ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้ที่สูงขึ้นและมั่นคง อีกทั้งยังสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร และสังคม จึงได้ร่วมกับ วว. วิจัยและพัฒนาการเตรียมสารสกัดจากส่วนคัดทิ้งของกะเพรา ซึ่งสามารถนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ปรุงอาหาร นอกจากนั้นยังสามารถนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อวงการแพทย์ และวงการเภสัชกรรมได้อีกด้วย” นายวิเศษอธิบาย

3_12

โดยความร่วมมือดังกล่าวเป็นไปตามปณิธานองค์กรของซีพี ออลล์ คือ “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” สร้างให้เกิดนวัตกรรมในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน   ควบคู่ไปกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง