ตร.191 ลุยปราบยาเสพติด ยึดยาบ้า 6 ล้านเม็ด ของกลางเพียบ
ตร.191แถลงผลปราบยาเสพติด 4 คดี ยึดยาบ้า 6 ล้านเม็ด ของกลางเพียบ
เมื่อเวลา 14.00 น วันที่ 22 พ.ค.62 ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.บก.สปพ. พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคดียาเสพติด จำนวน 4 คดี โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ สนธิกำลังจับกุมนายธนานนท์ หรือนนท์ เอกวรานนท์ อายุ 29 ปี ,นายหย่าชู หรือทัศน์ ขะล่ากู่ อายุ 28 ปี นายศรันย์ หรือป๊อป จิตต์ประภา อายุ 29 ปี และนายณัฐวัฒน์ หรือซัน แสงชู อายุ 33 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 240,000 เม็ด รถยนต์ จำนวน 2 คัน โทรศัพท์ มือถือ จำนวน 5 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนพบเบาะแสว่านายธนานนท์ และพวก มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ย่านบางนา จึงวางแผนล่อซื้อที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางนาและนัดส่งยาเสพติดกันที่บริเวณริมถนนบางนาตราด ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยาเสพติดทั้งหมดเป็นเครือข่ายของทางภาคเหนือ และอยู่ระหว่างการขยายผลเครือข่ายเพิ่มเติม
คดีที่สอง จับกุม นายสมภพ คำจันทร์ อายุ 20 ปี , นายมนัส หรือแบงค์ สาระบุตร อายุ 30 ปี , นายศรายุทธ หรือบิ๊ก วงค์ต่อม อายุ 24 ปี และ นายสุรชาติ หรืออุ้ย ควรบุปผา อายุ 32 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5,444,200 เม็ด ยาไอซ์ จำนวนประมาณ 876.8 กรัม รถยนต์กระบะทรงสูง จำนวน 1 คัน รถตู้ จำนวน 1 คัน รถยนต์ จำนวน 4 คัน และ ปืนพกสั้น ยี่ห้อกล๊อก 19 ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก 3.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน
พล.ต ต สำราญ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนได้ขยายผลการจับกุมคดียาเสพติด จนสืบทราบว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ได้ลักลอบซุกซ่อนยาเสพติดไว้ที่หมู่บ้านย่านบางรักใหม่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้ทำการตรวจค้น ก็พบยาบ้าจำนวน 1.4 ล้านเม็ด พร้อมของกลางจำนวนหนึ่ง ต่อมาได้ขยายผลจนทราบว่ากลุ่มเครือช่ายดังกล่าวจะเดินทางไปรับยาเสพติดที่ย่านรังสิต-นครนายก จึงได้แกะรอย กระทั่งจับกุมผู้ต้องหาทั้งสี่ได้ที่ริมถนนรังสิต-นครนายก คลองสามต่อเนื่องคลองสี่ ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ทั้งนี้จากการสืบสวนกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ขับรถตู้มาที่จุดนัดพบเพื่อมารับยาเสพติดจากเอเย่นต์ที่รังสิต โดยเอเย่นต์จะรับยามาจากเครือข่ายภาคเหนือ ขนใส่รถกระบะลำเลียงก่อนจะจอดรถกระบะยกสูงทิ้งไว้ที่ริมถนน ซึ่งปลายทางของยาเสพติดจะนำไปพักไว้ที่บ้านย่านนนทบุรี เพื่อที่จะปล่อยให้กับลูกค้ารายย่อยในกทม.และปริมณฑล
ส่วนคดีที่สามเจ้าหน้าที่งานสายตรวจจับกุม นายนลทวัฒน์ หรือปาล์ม อายุ 19ปี ในฐานความผิดร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท1 (ยาบ้า,ไอซ์,ยาอี หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางเงินสด 3.7 ล้านบาท
พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สายตรวจ191 ออกตรวจในพื้นที่ พบรถตู้มีพฤติกรรมพิรุธ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ปรากฏว่าคนขับได้ทิ้งรถตู้แล้วหลบหนี ภายในรถพบยาบ้าจำนวน 1.5 ล้านเม็ด ต่อมาได้รวบรวม พยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 4 ราย โดยจับกุมนายฐิติรัตน์ มาลัยทอง อายุ 24 ปี นายวีระพงษ์ คงใหญ่ อายุ 23 ปี นายพงศกรหรือกรแดงสุกอายุ 23 ปี ได้ เหลือเพียงนายนลทวัฒน์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้ที่ย่านฝั่งธน พร้อมของกลางเป็นเงินสด 3.7 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม - 5 พฤษภาคม นายนลทวัฒน์ มีเงินหมุนเวียนในบัญชี 1,400 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวการใหญ่ในขบวนการ อีกทั้งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของบช.ปส. อีกด้วย
ด้านพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมเครือข่ายยาเสพติดทั้งหมดนี้เป็นการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพชั้นใน และถือเป็นการจับกุมยาเสพติดที่มากที่สุด โดยจับกุมยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 1 พันกรัม อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อกล๊อก 19 ขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุน 12 นัด รถยนต์ 7 คันรถจักรยานยนต์ 3 คันเงินสด 3.7 ล้านบาท ซึ่งจากนี้ได้สั่งการให้ขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการและผู้สั่งการทั้งหมด สอดรับกับพล.ต.ต.สำราญ ที่กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่งานสายตรวจอยู่ระหว่างการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด โดยคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 ราย ซึ่งเป็นระดับสั่งการ มีทั้งอยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยในคดียาบ้า จำนวน 5,444,200 เม็ด พบว่าเป็นเครือช่ายของแก๊งต่ำเอี่ยว โดยมีเสี่ย อ.และเสี่ย จ. เป็นตัวการใหญ่
ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น กล่าวถึงมาตรการป้องปรามเหตุนักเรียนตีกัน ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ตำรวจแต่ละสน.จัดชุดตรวจการณ์ตามสี่แยกไฟแดงและจุดเสี่ยงต่างๆ พร้อมกันนี้ได้ประสานไปยังสถานศึกษาต่างๆเพื่อขอข้อมูลเยาวชนที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงในการก่อเหตุ
อย่างไรก็ตามเหตุนักเรียนตีกันที่สน.หลักสอง เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด พร้อมได้รับรายงานว่าทั้งสองกลุ่มไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนและไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน แต่ปมเหตุมาจากความคึกคะนองของกลุ่มวัยรุ่น