ค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ แลกเปลี่ยนเรียนรู้บนความแตกต่าง
ม.วลัยลักษณ์ ร่วมกับจ.นครศรีธรรมราช จัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ ครั้งที่ 3 มุ่งสร้างบรรยากาศความเป็นนานาชาติ เผยมีนักศึกษา 200 คน จาก 58 ประเทศทั่วโลก 5 ทวีป 491 มหาวิทยาลัยสนใจเข้าร่วม
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.62 นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (มวล) ร่วมกับนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายพงศธร เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันภาษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ แถลงข่าว การจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ ครั้งที่3 ระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.-1ก.ค.2562
นายสมบัติ กล่าวว่ามหาวิทยาลัยมีความมุ่งมั่นในการจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย จ.นครศรีธรรมราช และประเทศไทย โดยให้ความสำคัญในทุกมิติ ซึ่งวัฒนธรรมถือเป็นมิติของโลก เพราะคนทุกเชื้อชาติ ศาสนาต้องเข้าใจและเคารพความแตกต่างของวัฒนธรรม เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่การพูดอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องปลูกฝังให้เกิดขึ้นในกลุ่มนักศึกษา จึงได้จัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ โดยปีนี้ เป็นปีที่3 ที่ได้ดำเนินการจัดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนต่างชาติได้มารู้จักวัฒนธรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาติและกลายเป็นทูตวัฒนธรรมที่จะช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปสู่สากล ขณะเดียวกันเยาวชนไทยที่เข้าร่วมโครงการจะมีโอกาสสร้างเครือข่ายกับเยาวชนต่างชาติจากนานาประเทศทั่วโลกและเพิ่มพูนประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง
"มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายในการก้าวสู่ความเป็นนานาชาติโดยเริ่มจากการปฏิรูปการเรียนรู้นำมาตรฐาน UKPSF (United kingdom professional standards framework) มาใช้ การให้ความสำคัญกับการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษของนักศึกษามีการจัดตั้งสถาบันภาษาเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะสากลให้แก่นักศึกษาสนับสนุนให้นักศึกษาไปปฏิบัติงานสากิจในต่างประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมสู่สากลโดยตั้งแต่ปี 2560 มหาวิทยาลัยริเริ่มจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติและได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปีและในปี 2562 นี้มหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเจ้าภาพจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติครั้งที่ 3 โดยมีเยาวชนผู้เข้าร่วมค่าย 200 คนแบ่งเป็นเยาวชน 70 คนและเยาวชนต่างชาติ 130 คน ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินการต่างๆของมหาวิทยาลัยจะช่วยให้นักศึกษาสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในชีวิตจริงได้ประมาณ 50%" นายสมบัติ กล่าว
นายขจรเกียรติ กล่าวว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชและมหาวิทยาลัยได้ริเริ่มโครงการค่ายดังกล่าว มาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งค่ายดังกล่าว นอกจากเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่นักศึกษาแล้ว งมีส่วนช่วยในการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเช่นวัดบรมธาตุวรมหาวิหาร หมู่บ้านคีรีวง และทะเลสิชลให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลใน 74 ประเทศและห้าทวีปทั่วโลกดังนั้นความร่วมมือในปีนี้ทางจังหวัดยินดีซ่าทำถนนในทุกมิติ นอกจากนั้น ยังสอดคล้องกลับนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเมืองรองให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นหนึ่งใน 55 จังหวัดเมืองรองของประเทศไทย
นายพงศธร กล่าวว่าโครงการในปีนี้ได้รับความสนใจจากเยาวชนสมัครเข้าร่วมกว่า 1130 คนจาก 491 มหาวิทยาลัย 58 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลก และมีการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดจำนวน 200 คน เข้าร่วมคายเป็นระยะเวลา 8วัน โดยปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกๆปี จะมีการแสดงวัฒนธรรมประจำชาติจากเยาวชนทุกชาติจำนวน 26 ชุดระยะวชนที่เข้าร่วมโครงการจะมีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมผ่านกิจกรรมต่างๆอาทิต่อยมวยไทยรำไทยและดนตรีดนตรีไทยตลอดจนการศึกษาประวัติศาสตร์เมืองมาหานครศรีธรรมราชเยี่ยมชมวัดหมู่บ้านรวมถึงเดินทางโดยรถไฟไปยังกรุงเทพมหานคร ซึ่งเชื่อว่าเยาวชนที่เข้าร่วมค่าย จะได้เรียนรู้ยอมรับในความแตกต่างว่าทางวัฒนธรรมสีผิวและความเชื่อและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น