'ซิน ชุน เวลเนส' ทุ่ม 500 ล้าน เปิดสถาบันการกีฬา ฟิตเนส และรร.มวยนานาชาติ
“ซิน ชุน เวลเนส” ทุ่ม 500 ล้าน เปิดสถาบันการกีฬา ฟิตเนส และโรงเรียนมวยนานาชาติ มาตรฐาน ACE แห่งแรกในประเทศไทย หวังเผยแพร่ศิลปะ- ยกระดับมาตรฐานมวยไทยไปทั่วโลกพร้อมจับมือมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงปั้นเด็กไทยสู่ตลาดโลก เล็งเปิดสอนปลายปีนี้
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.62 ที่โรงแรมสวิสโซเทล เลอคองคอร์ด รัชดา กรุงเทพฯ น.ต.วรวิทย์ เตชะสุภากูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงเป็นตัวแทนความร่วมมือสถาบันการกีฬา ฟิตเนส และมวยไทยนานาชาติ มาตรฐาน ACE ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ระหว่างบริษัทซินชุน เวลเนส จำกัด กับ American Council on Exercise (ACE) เพื่อเปิดโรงเรียนมวยไทยนานาชาติมาตรฐาน ACE เป็นแห่งแรก และการลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กับ บริษัท เออีซี มวย แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต จำกัด เพื่ออนุรักษ์ส่งเสริมสนับสนุนและเผยแพร่ศิลปะมวยไทย แลกเปลี่ยนการดำเนินการจัดทำองค์ความรู้และนำศิลปะมวยไทยบูรณาการกับวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการเที่ยวของไทย อีกทั้งร่วมกันพัฒนาด้านวิชาการงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ นอกจากนี้ ยังมีการลงนามข้อตกลงเป็นตัวแทนด้านการศึกษาในระดับสากลภาคพื้นเอเซียแฟซิฟิก ระหว่าง บริษัท เออีซีมวยฯ กับ IWF เพื่อร่วมกันเผยแพร่ ACE มวยไทยไปทั่วโลกด้วย
นายสตีเว่น จง ประธานกรรมการบริษัท ซินชุน เวลเนส จำกัด กล่าวถึงที่มาของการก่อตั้งโรงเรียนมวยนานาชาติว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป หันไปให้ความสนใจกับเทคโนโยลีมากขึ้น ทำให้ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายเกิดความเสื่อม ส่งผลให้ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของคนต่ำลงเป็นประวัติศาสตร์ ตนจึงมีแนวคิดที่ทำให้คนในสังคมหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ควบคู่ไปกับการดูแลโภชนาการให้เกิดความสมดุล โดยเปิดสถาบันสอนออกกำลังกายครบวงจร และโรงเรียนสอนมวยนานาชาติ ซึ่งเป็นกีฬาหรือการออกกำลังกายที่ให้ความสมดุลกับร่างกาย รวมทั้งร่วมกันเผยแพร่มวยไทยไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันที่ชาวต่างชาติได้หันมาให้ความนิยมและชื่นชอบเอกลักษณ์มวยไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยและใช้เวลา 2 สัปดาห์ - 1 ปี เพื่อฝึกมวยไทย ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และนำรายได้เข้าไทยจำนวนมาก โดยบริษัท ซินชุน เวลเนส จำกัด เป็นองค์กรแรกที่ได้รับอนุญาตจาก American Council On Exercise (ACE) ให้นำมวยไทยบรรจุเข้าในหลักสูตร ACE เรียบร้อยแล้ว
“ผมเป็นนักวิยาศาสตร์การกีฬาที่สนใจมวยไทย ประกอบกับเทรนทั่วโลกกำลังให้ความนิยมมวยไทย ผมจึงอยากนำความรู้ที่มีมาประสานกับศิลปะมวยไทย เพื่อให้ผู้เล่น เล่นได้ถูกท่า ถูกวิธี โดยที่ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องใช้แรงมาก แต่เกิดประสิทธิผลและปลอดภัยกับร่างกาย ที่สำคัญเมื่อเรียนจบผู้เรียนจะได้รับ License มาตรฐานนานาชาตินำไปประกอบอาชีพได้ด้วย โดยที่ License นี้ ออกให้ได้เฉพาะสถาบันการศึกษาที่ประเทศไทย ทำให้คนแถบเอเชียไม่จำเป็นต้องบินไกลไปเรียนถึงอเมริกา เพื่อให้ได้ License โดยทางสถาบันมีผู้สอนมืออาชีพและเชี่ยวชาญด้านภาษาที่หลากหลายมาให้การฝึกสอน” นายสตีเว่น กล่าว
นายสตีเว่น เปิดเผยด้วยว่า ทางบริษัทฯ ได้ลิขสิทธิ์หลักสูตร ACE และการมอบ License และจัดตั้งสถาบันการกีฬา ฟิตเนส และโรงเรียนมวยนานาชาติ ในพื้นที่กว่า 4 ไร่ ย่านรามคำแหง 60/5 โดยใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบา เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ และเทรนเนอร์ ซึ่งล่าสุดมีลูกค้าสนใจที่จะเรียนแล้วกว่า 80,000 คน ไม่นับคนทั่วไปอีกจำนวนมาก แต่ขณะนี้ทางสถาบันและโรงเรียนยังไม่สามารถให้บริการได้ เนื่องจากขณะนี้โรงเรียนอยู่ระหว่างการตกแต่งสถานที่ และรอการนำเข้าอุปกรณ์ออกกำลังกายซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงจากต่างประเทศ ทั้งนี้ สิ่งที่คาดหวังจะได้จากการเปิดสอนการกีฬาและมวยไทย คือ การทำให้วงการกีฬาไทยได้ใช้มาตรฐานวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามายกระดับมาตรฐานกีฬาไทย และทำให้คนไทยมีสุขภาพดีนอกจากนี้ ยังสามารถผลิตบุคลากรฝึกสอนมวยไทยที่มีการรับรองจาก ACE มาตรฐานสากลสู่ตลาดโลกด้วย
นางสาวสุพัตรา เขมทองคำ (พีช) นักมวยหญิงอาชีพ “ฉายาสวยสังหาร” ที่ผันตัวมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซีอี มวย แอนด์ มาร์เชียลอาร์ต จำกัด เปิดเผยว่า หลักสูตรของเอซีอีมวยฯ เป็นหลักสูตรที่ยกระดับวงการมวยไทยสู่ความเป็นสากล ในด้านของการออกกำลังกายโดยมีมาตรฐาน ACE รองรับ โดยนำหลักของวิทยาศาสตร์การกีฬามาบวกกับศิลปะมวยไทย ซึ่งจะยกระดับบุคลากรทางด้านมวยไทยให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น ทำให้ทั่วโลกเข้าถึงมวยไทยและหันมาออกกำลังกายด้วยกีฬามวยมากขึ้น ทั้งนี้ หลักสูตรเอซีอีมวยฯ ต่างจากหลักสูตรอื่นตรงที่นำหลักของวิทยาศาสตร์การกีฬา มาประยุกต์ใช้กับศิลปะมวยไทยโดยเราเน้นไปที่การออกกำลังกาย เป็นหลัก แต่ยังคงศิลปะวัฒนธรรมของมวยไทยไว้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ และให้ชาวต่างชาติให้เห็นถึงเสน่ห์ของกีฬามวยไทย โดยหลักหัวใจสำคัญของ ACEMUAY คือ Safe Effective Interactive Scientific อีกทั้งจะมีส่วนในการส่งเสริมและผลิตบุคลากรในวงการมวยเป็นเทรนเนอร์มืออาชีพส่งออกต่างประเทศ ถือเป็นการสร้างอาชีพให้กับบุคลากรในวงการมวย
หลักสูตรหลักของACEMUAY คือ ACE muay Fitness Training Course มี 3 ระดับในขั้น Beginner เป็นการเรียนพื้นฐานทักษะการใช้อาวุธมวยไทย Intermedia เป็นเนื้อหาของการเรียนเพื่อเป็นเทรนเนอร์และ Advance เน้นการสอนในเรื่องของการทำโปรแกรมเทรนในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจากการทดลองฝึกสอนเบื้องต้น 2 รุ่น เสียงตอบรับจากชาวต่างชาติทั้งชาวจีนและไต้หวันที่หลงรักมวยไทยสนใจศึกษาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงสนใจมากกว่าครึ่ง ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า มวยไทยเป็นกีฬาที่สวยงามมีเสน่ห์ในตัว มีความแข็งแกร่งแฝงความอ่อนช้อยของการใช้อาวุธและการไหว้ครูทุกเพศทุกวัยสามารถเล่นกีฬาชนิดนี้ได้
ด้าน นายประสิทธิ์ชัย ผาสุข ผู้จัดการฝ่ายการศึกษา บริษัท เอซีอี มวย แอนด์ มาร์เชียลอาร์ต จำกัด เปิดเผยว่า ในปัจุบันมวยไทยเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก มวยไทยจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการออกกำลังกายซึ่งในปัจุบันนั้นมวยไทยสามารถแบ่งออกได้หลายมิติเช่น มวยไทยเพื่อการแข่งขัน มวยไทยเพื่อการออกกำลังกาย มวยไทยเพื่อการอนุรักษ์ มวยไทยเพื่อการป้องกันตัว มวยไทยเพื่อการศึกษา และมวยไทยเพื่อการแสดง เป็นต้น สถาบันเอซีอีมวยฯ นั้นจะมุ่งเน้นไปในทางด้านเกี่ยวกับมวยไทยเพื่อการออกกลังกาย โดยจะนำเอาหลักการสอน ขั้นตอนการออกทำกายที่ถูกต้องบวกกับหลักของวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้การออกกำลังกายในรูปแบบของมวยไทยนั้น ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและยังถือว่าได้ยกระดับอีกขั้นเข้าสู่สากลอีกด้วย สถาบันเอซีอีมวยฯได้รองรับคุณภาพมาตรฐานสากลจาก ACE (American Council On Exercise) เป็นองค์กรรับรองมาตรฐานวิชาชีพด้านการออกกำลังกายและโค้ชเพื่อสุขภาพเป็นที่ยอมรับในระดับโลกและแวดวง FITNESS ซึ่งมีความสำคัญสามารถไปทำงานได้ทั่วโลก นอกจากนี้สถาบันเอซีอีมวยฯยังได้ทำความร่วมมือกับสมาคมมวยไทยศึกษานานาชาติ วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทยเพื่อผลิตบุคลากรทางด้านมวยไทยอีกด้วย สถาบันเอซีอีมวยฯ จะสร้างเสร็จอย่างเป็นทางการสามารถเปิดให้บริการได้ช่วงปลายปี 2562 นี้
ขณะที่ ดร.สำราญ สุขแสวง คณบดีวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า มวยไทยเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ในเชิงวิชาการมวยไทยยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก เราจึงต้องการยกระดับหลักสูตรมวยไทย ซึ่งโชคดีวิทยาลัยมวยไทยฯ ได้รับความร่วมมือในด้านนี้ เพื่อนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาปรับการฝึกมวยไทยได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดมวยไทยให้ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น Mr. Pengchong ผู้จัดการ IWF Shanghai Health Wellness Fitness Expo กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแพร่มวยไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะศิลปะ วัฒนธรรมไทยที่มีอยู่ในมวยไทยซึ่งน่าสนใจ ทั้งนี้ในอนาคต จะมีการนำมวยไทยบรรจุไว้เป็นหนึ่งในกีฬาของงาน IWF ที่มีผู้ชมจำนวนมาก