ศาลไม่ให้ประกัน คดี 2 แก๊งวินจยย.ยกพวกตะลุมบอนย่านอุดมสุข
ศาลไม่ให้ประกัน คดี 2 แก๊งวินจยย.ยกพวกตะลุมบอนย่านอุดมสุข ร่วมเหตุมีการทำร้าย-ฆ่าคนตาย ทำต่อหน้าปชช.ไม่กลัว ก.ม. มีพยานหลายฝ่าย กลัวปล่อยแล้วยุ่งหลักฐาน
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.62 ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ พนักงานสอบสวน สน.บางนา คุมตัว "นายรังสรรค์ หรือเอ็กซ์ ศรไชยากร" อายุ 29 ปี กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ปาก ซ.สุขุมวิท 101/5 และ "นายเจริญ เจริญผล" อายุ 34 ปี กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ซ.อุดมสุข สองผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซ.อุดมสุข 2 และ ซ.สุขุมวิท 101/5 ยกพวกทะเลาะวิวาทกันบริเวณ ถ.สุขุมวิท มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 – 28 มิ.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 6 ปาก และรอผลตรวจของกลาง กับผลการตรวจสอบพิมพ์มือผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี
โดยการฝากขังนี้ แยกยื่นคำร้องฝากขังกันคนละข้อหาซึ่ง "นายรังสรรค์" ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพกอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้พกติดตัว เข้าไปในเมืองฯ โดยมิได้รับอนุญาตฯ , ร่วมกันพกอาวุธเข้าไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุสมควร , ร่วมกันยิงปืนฯ , ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง รวม 6 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 295, 371 , 373, 376 , พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4,7,8,8 ทวิ , 72 โดยชั้นสอบสวน "นายรังสรรค" ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วน "นายเจริญ" ถูกแจ้งเพียงข้อหาเดียว มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4,7 , 72
สำหรับคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.62 เวลา 10.00 น. มีกลุ่มผู้ขี่ วินรถจยย.รับจ้าง 2 กลุ่ม คือปากซ.สุขุมวิท 101/5 กับซ.อุดมสุข 2 ยกพวกทำร้ายร่างกายกัน กลุ่มวินซ.อุดมสุข วิ่งหลบหนีเข้าไปในชุมชนรุ่งเรือง เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่พักอาศัยอยู่ ส่วนกลุ่มวินปาก ซ.สุขุมวิท 101/5 ได้ติดตามไป ซึ่งนายปิยะหรือหมู พวงเกษร , นายรังสรรค์ ผู้ต้องหาที่นำมาฝากขังนี้ และนายวันชัยหรืออั้ม มงคลเข็ม มีอาวุธปืน พร้อมกับพวกอีกจำนวนหนึ่ง ได้ยิงปืนเข้าไปในชุมชนรุ่งเรือง ช่วงที่เป็นทางเดินของชุมชน เป็นเหตุให้นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ ถูกกระสุนถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ ขณะที่นายวัชรินทร์ งาเฉลา ซึ่งอยู่กลุ่มวินปาก ซ.สุขุมวิท 101/5 ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ ส่วนกลุ่มก่อเหตุได้แยกย้ายกันหลบหนีไป ต่อมาสอบสวนพยานบุคคลและสืบสวนภาพกล้องวงจรปิด ยืนยันว่ากลุ่มวินปากซ.สุขุมวิท 101/5 มีนายรังสรรค์ ผู้ต้องหาถืออาวุธปืนแนบข้างนายปิยะ ที่ใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในชุมชนแล้วถูกผู้ตาย
ส่วน "นายเจริญ" ผู้ต้องหาอีกคน รับว่าอยู่ในชุมชนไปดีมาดี และใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่คู่กรณีไม่ให้เข้ามาในซอยเท่านั้น จากนั้นผู้ต้องหาได้นำอาวุธปืนไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านร้างที่เกิดเหตุและโดยความสมัครใจของผู้ต้องหาเองได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าว ซึ่งเป็นปืนกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อโคลท์ โดยผู้ต้องหารับว่าเป็นของตนจริง และไม่มีใบอนุญาต จึงแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เหตุเกิดที่ชุมชนรุ่งเรือง และที่บ้านร้าง ชุมชนไปดีมาดี ซ.สุขุมวิท 103/1 แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กทม. ซึ่ง ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขัง ภายหลัง ญาติของนายรังสรรค์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นประกันภัยอิสรภาพ ของบริษัทไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มูลค่า 670,000 บาท
ขณะที่นายเจริญ มีภรรยา ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 100,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว โดยเมื่อเวลา 16.50 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของนายรังสรรค์ คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนก็ได้คัดค้านการให้ประกันตัว ขณะที่เหตุเกิดต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก อันมีลักษณะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยมีพยานรู้เห็นเกี่ยวข้องหลายฝ่าย หากปล่อยชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ส่วนพฤติการณ์ในคดีของนายเจริญมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ร่วมกันฆ่าผู้อื่นกรณีวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง 2 กลุ่ม กระทบกระทั่งกัน และก่อเหตุทำร้าย ร่างกายและ ฆ่ากันตายหากปล่อย ชั่วคราวเกรงว่าอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ประกอบกับพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัว จึงให้ยกคำร้องขอประกันตัวของผู้ต้องหาทั้งสอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องการขอปล่อยชั่วคราวแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ควบคุมตัว "นายรังสรรค์" และ "นายเจริญ" ผู้ต้องหาทั้งสอง ไปคุมขังยังเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯระหว่างการฝากขังนี้ต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับ "นายปิยะหรือหมู พวงเกษร" หนึ่งในกลุ่มวิน จยย.รับจ้าง ปาก ซ.สุขุมวิท 101/5 นั้น ในวันนี้ (17 มิ.ย.) พนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้ควบคุมตัว มาส่ง ให้พนักงานอัยการ คดียาเสพติด 3 (พระโขนง) เพื่อยื่นฟ้องคดีด้วยวาจา ในความผิดฐาน เสพ เมทแอมเฟตามีนยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7 ,8, 57 ,98 ต่อศาลจังหวัดพระโขนง
ภายหลังที่ "นายปิยะ" ผู้ต้องหา ถูกจับกุมตัวและให้การรับสารภาพในข้อหาเสพยาเสพติด โดยเมื่อยื่นฟ้องแล้ว ศาลก็ได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว "นายปิยะ" จำเลยยืนยันให้การรับสารภาพ พิพากษา จำเลยมีความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ให้จำคุกเป็นเวลา 6 เดือนและปรับ 10,000 บาท โดยจำเลยไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน จึงเห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และให้คุมประพฤติจำเลยโดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ จำนวน 4 ครั้ง ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นควรภายในระยะเวลา 1 ปี และให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นพ้องด้วยอีก 12 ชั่วโมง
ทั้งนี้สำหรับพฤติการณ์ที่ "นายปิยะ" อายุ 43 ปี ร่วมก่อเหตุวิวาทระหว่างกลุ่มวิน จยย.รับจ้างนั้น พนักงานสอบสวน สน.บางนา ก็ได้ดำเนินการอายัดตัวนายปิยะไว้แล้วเพื่อดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป ซึ่งพนักงานสอบสวน ทำหน้าที่จะควบคุมตัวนายปิยะไม้เพื่อดำเนินการสอบสวนเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ยังดำเนินการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ก็จะต้องยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลจังหวัดพระโขนงต่อไป