จีนนั่งผู้อำนวยการเอฟเอโอคนใหม่

จีนนั่งผู้อำนวยการเอฟเอโอคนใหม่

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและชนบทของจีน สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาวจีนคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้อำนวยการองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(เอฟเอโอ)

นายชวี่ ตงหยู่ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและชนบทของจีน วัย 55 ปี ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 108 คะแนนเป็นผู้อำนวยการเอฟเอโอคนใหมในการประชุมครั้งที่ 41 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีเมื่อวันอาทิตย์ (23มิ.ย.) โดยได้คะแนนทิ้งห่างคู่แข่งจากฝรั่งเศส ที่ได้ 71 คะแนนและตัวแทนจากประเทศจอร์เจีย 12 คะแนน

นายชวี่ ในฐานะผู้อำนวยการเอฟเอโอคนที่ 9 ให้ค่ำมั่นว่าจะยึดมั่นปฏิบัติตามแรงบันดาลใจ ฉันทามติ และภารกิจขององค์การ และเรียกร้องให้ชาติสมาชิก 194 ประเทศร่วมกันผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17 ประการภายใต้วาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2030

ทั้งนี้ นายชวี่จะเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.และจะอยู่ในวาระนาน 4 ปี แทนนาย โฮเซกราเซียโน ดา ซิลวา ชาวบราซิล ที่ดำรงตำแหน่งสองสมัยติดต่อกัน แต่เขาจะต้องเผชิญภาระหนักในการต่อสู้กับความยากจนที่เป็นผลกระทบมาจากภาวะโลกร้อนและสงคราม

ปัจจุบัน ประชาชนกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกยังอดอยากหิวโหย และผู้เชี่ยวชาญไม่มั่นใจว่าเป้าหมายปราศจากคนยากจนภายในปี 2573 จะเป็นจริงได้หรือไม่

ด้านนายฮั่น จางฟู่ รัฐมนตรีเกษตรและชนบทของจีน กล่าวว่า การที่นายชวี่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้อำนวยการเอฟเอโอสะท้อนถึงความไว้ใจของชาติสมาชิกที่มีต่อนายชวี่ และทัศนคติที่ดีมากต่อการทำงานและความสำเร็จในการแก้ปัญหาความยากจนของจีน และความคาดหวังอย่างยิ่งของประชาคมโลกต่อบทบาทของจีนในฐานะประเทศขนาดใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ

ทางการจีน ประกาศว่า จำนวนประชาชนที่กำลังต่อสู้กับความยากจนระดับสูงสุดจะหดลงเหลือราว 15 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2561 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 85% หากเทียบกับจำนวน 100 ล้านคนของเมื่อ 6 ปีก่อน โดยนายหลิว หย่งฝู หัวหน้าฝ่ายการบรรเทาความยากจนและการพัฒนาสังกัดคณะมุขมนตรีจีน กล่าวว่า ความยากจนระดับสูงสุดจะหมดจากแผ่นดินจีนภายในสิ้นปี 2563 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สอดคล้องกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน

รายงานระบุว่า ชาวสวนชาวไร่ของจีนมากกว่า 700 ล้านคน สามารถหลุดพ้นจากความยากจนแสนเลวร้ายตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายหลิวชี้ว่าเป็นความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ที่ควรค่าแก่การชื่นชมยกย่อง และตลอด 4 ทศวรรษ อัตราความยากจนในพื้นที่ชนบทลดฮวบลงจาก 97.5 % ลงไปอยู่ที่ 3.1% เท่านั้นในช่วงสิ้นปีก่อน และคาดว่าจะลดลงจนต่ำกว่า 2 % ในปีนี้