ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บุกรวบผัวไนจีเรีย-เมียชาวไทย แก๊งโรแมนซ์สแกม เสแสร้งแกล้งให้รัก ก่อนหลอกตุ๋นโอนเงินออนไลน์ พบสาวๆ ตกเป็นเหยื่ออื้อ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผบช.สตม. พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รองผบช.สตม. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.ภ.2 และตำรวจบก.สตม. แถลงผลการจับกุมเครือข่าย Romance Scam ภาคตะวันออก
พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงได้ตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความ สงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของ ประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า สำหรับแก๊งโรแมนซ์สแกม มีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อผ่านทางสื่อโซเชียล Facebook และHangouts (Romance Scam) นิยมใช้แอปพลิเคชั่นแชทต่างๆหลอกลวงคนไทยทั้งหญิงและชาย สูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยการสร้างเฟซบุ๊กปลอมเป็นชาวยุโรป อเมริกัน มีอาชีพดี ฐานะดี หน้าตาดี ค้นหาเหยื่อในเฟซบุ๊กหรือเวปไซต์หาคู่ แล้วติดต่อทาความรู้จักพูดคุยอ้างตัวเป็น คนมีหน้าที่การงานดีมีฐานะดีหลงรักในตัวเหยื่ออยากมาใช้ชีวิตคู่กับเหยื่อในประเทศไทย หรืออยากร่วมลงทุนทางธุรกิจกับเหยื่อ
เมื่อสนทนาได้สักระยะ เหยื่อเกิดความเชื่อใจหรือความรักแล้วคนร้ายออกอุบายจะส่งทรัพย์สินของมีค่ามาให้ เช่น ทองคำ เงินสดสกุลเหรียญ ยูเอสดอลล่าร์ ต่างหูทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ โทรศัพท์ไอโฟน คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ เป็นของขวัญหรือเป็นการ การันตีไว้ก่อน ซึ่งจะส่งภาพทรัพย์สินและกล่องพัสดุรวมทั้งใบส่งของที่มีชื่อของเหยื่อ (ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์แก้ไข ภาพเป็นชื่อที่อยู่ของเหยื่อ) เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะมีผู้ร่วมขบวนการติดต่อไปอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทส่งพัสดุ บริษัทคาร์โก้ เจ้าหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าที่สนามบิน หรือสถานทูต เป็นต้น เพื่อให้เหยื่อชำระค่าธรรมเนียมส่งพัสดุโดยให้เหยื่อโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ ที่กลุ่มคนร้ายเปิดไว้ และจะหลอกอ้างเหตุผลต่างๆ ให้เหยื่อโอนเงินเรื่อยมา เมื่อเหยื่อรู้ตัว จะปิดเฟซบุ๊กไม่สามารถติดต่อได้แล้วหาเหยื่อรายใหม่ต่อไป โดยหลอกลวงผู้เสียหายคนไทยเกิดเหตุทั่วประเทศ
ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร่วมกันสืบสวนแก๊งโรแมนซ์สแกมเหตุเกิดในพื้นที่ ภ.5 และพื้นที่ จ.ชลบุรี โดยหลอกลวงผู้เสียหายเหตุเกิดตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงปลายเดือนมิถุนายน 2562 จากการสืบสวนพบรายการถอนเงินในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี จ.ระยอง คนร้ายที่ตระเวนกดเงินจะแต่งกายเหมือนชาวบ้านทั่วไป และจะเข้าไปในห้องน้ำภายในห้างสรรพสินค้า เพื่อเข้าไปเปลี่ยนชุด ส่วนมากจะใส่ชุดสีดำ มีเสื้อ แขนยาวสีดำ กางเกงยาวสีดำ ใส่วิคผมปลอม ใช้หน้ากากอนามัยสีขาวปิดปาก สวมแว่นตาทึบ เพื่อปกปิดอำพรางตัวตน เมื่อจะไปกดถอนเงิน โดยตระเวนไปกดถอนเงินที่เครื่องบริการเงินด่วน (ตู้เอทีเอ็ม) ตามสถานที่ต่างๆ ในเขต เมืองพัทยา , พลูตาหลวง และเทศบาลบ้านฉางจังหวัดระยอง
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทราบตัวคือ น.ส.วาสนา กรรเจียก จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเอาไว้ ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม2562 ชุดจับกุมได้ขอหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายจำนวน 2 หลัง ในเขตท้องที่ สภ.พลูตาหลวง จากการตรวจค้นพบ นายยูเชนนา โจเซฟ อามูจิโอคู (Mr.UCHENNA JOSEPH AMUJIOGU) สัญชาติไนจีเรีย อายุ 40 ปี และ น.ส.วาสนา กรรเจียก อายุ 35 ปี สองสามีภรรรยา พร้อมของกลางหลายรายการที่ใช้ในการก่อเหตุกดเงิน
น.ส.วาสนา รับว่าร่วมกับนายยูเชนนา โจเซฟ อามูจิโอคู สัญชาติไนจีเรีย ซึ่งเป็นสามี โดยนายยูเชนนา โจเซฟ อามูจิโอคู ทำหน้าที่เป็นคนหาบัตรเอทีเอ็มมาให้กับ น.ส.วาสนา และสั่งการให้ไปกดถอนเงินโดยได้ส่วนแบ่ง 5 % ส่วนราคาค่าจ้างเปิดบัญชีธนาคารบัญชีละ 10,000 – 20,000 บาท ต่อบัญชี โดยทั้งคู่ก่อเหตุมาแล้วประมาณ 2 ปี จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้เสียหาย จำนวน 12 ราย รวมความเสียหายประมาณ 2,603,825 บาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบความ เสียหายเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ได้นำตัว ผู้ต้องหาพร้อมตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสภ.หนองปรือ แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตัวเป็น ผู้อื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มีไว้เพื่อใช้และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และเพิ่มเติมนายยูเชนนา โจเซฟ อามูจิโอคู ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป