'พราวกรุ๊ป' ทุ่มงบ 7 พันล้าน ต่อยอดโมเดลหัวหินสู่“ภูเก็ต”
หลังจากปรับโครงการธุรกิจของครอบครัว ‘ลิปตพัลลภ’ ให้มีความชัดเจน โดยแยกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้การดูแลของบริษัท พราว เรียลเอสเตทจำกัด(มหาชน) หรือ PROUD
ส่วนของธุรกิจโรงแรม สวนสนุกและค้าปลีกจะอยู่ภายใต้การบริหารงานของ ‘พราวกรุ๊ป’ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวก็ยังคงเดินหน้าที่ลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงท่องเที่ยวต่อไป ภายใต้การดูแลของ ‘พสุ ลิปตพัลลภ’ และ ‘พราวพุธ ลิปตพัลลภ’ ทายาทเจน 3 ที่รับช่วงมรดกที่ดินของตระกูล มาสร้างมูลค่าเพิ่มบนที่ดินแปลงงามตามแหล่งท่องเที่ยว
10ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อตั้งพราวกรุ๊ป ในปี2552 ประเดิมด้วยโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน บนเนื้อที่ 12 ไร่ จับกลุ่มลักซ์ชัวรีโดยการเอาท์ซอร์สทีมงานมืออาชีพ จากนั้น ปี2555 เปิดให้บริการศูนย์การค้า บลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ ที่สุดแห่งศูนย์การค้ารูปแบบใหม่สไตล์ รีสอร์ทมอลล์ โดยร่วมทุนกับบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ใน 2557 เปิดให้บริการสวนน้ำ ‘วานา นาวา’ หัวหิน ที่มีการผสมผสานระหว่างความเป็นสวนน้ำและป่าเมืองร้อนเข้าด้วยกัน ภายใต้แนวคิดวอเตอร์ จังเกิ้ล จากนั้นเริ่มมาแตกไลน์มาทำโครงการที่พักอาศัยโครงการแรกของพราว กรุ๊ป คือ พาร์ค 24 คอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ในสุขุมวิท 24 ซึ่งปัจจุบันขายไปแล้ว
ต่อมาปี 2559 เปิดให้บริการ ทรู อารีน่า หัวหิน ศูนย์รวมสปอร์ตไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยมของเอเชีย และเป็นผู้นำการจัดอีเวนท์ด้านกีฬาระดับนานาชาติ กลางเมืองหัวหิน ในปี 2561 เปิดโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ต ในสวนน้ำวานา นาวา มีห้องพักจำนวน 300 ห้อง ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส‘ต้นแบบ’ที่มีห้องพักและแหล่งความบันเทิงครบวงจร
พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร พราว กรุ๊ป กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้มองเห็น‘โอกาส’ในการนำโมเดลธุรกิจสวนน้ำโรงแรมและค้าปลีกที่หัวหิน ซึ่งลูกค้าหลักจะเป็นคนไทย 90% ไปพัฒนาที่จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็น ‘เดสติเนชั่น’ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และเป็นจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ และเป็นอันดับ 10 ของประเทศ
แม้ว่าปีนี้ภาพรวมตลาดท่องเที่ยวภูเก็ตไม่ดีเท่าที่ควร จากข้อมูลพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศลดลง 6% นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลง3% เฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนลดลงถึง19% ส่งผลกระทบบัดเจท โฮเทลราคาประหยัด แต่กลุ่มโรงแรมระดับ4 -5ดาวบางแห่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า ยังมีโอกาสในการตลาดอยู่ หากสามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าได้ และในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวภูเก็ตจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น
ที่สำคัญยังมองเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มชาวเอเซียกลุ่มมิลเลเนียล ที่กลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ที่ต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เน้นการผจญภัยที่หลากหลายแต่ยังคงต้องการความสะดวกสบาย และมีเทคโนโลยีเข้ามารองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต จึงมองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในจ. ภูเก็ต ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินเข้าเที่ยวปีละ 20 ล้านคน
จากศักยภาพดังกล่าว จึงได้ลงทุนโครงการมิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อโครงการ 'อันดามันดา' มูลค่า 4,500 ล้านบาท เนื้อที่ 58 ไร่ อำเภอกะทู้ จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย 1.สวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต ที่มีเครื่องเล่นระดับโลกกว่า 19 อย่าง ท่ามกลางทะเลอันดามันที่สร้างขึ้นรวมไปถึงทะเลเทียมขนาดใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 16,000 ตารางเมตร และชายหาดยาวกว่า 300 เมตร เขาตะปูจำลอง มีความสูงกว่า 23 เมตร
2.โรงแรมฮอลลิเดย์ อินน์ อันดามันดา ภูเก็ตที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล และครอบครัว และ 3. แหล่งแฮงเอาท์ ซึ่งประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม รอบน้ำพุขนาดใหญ่ โดยตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์คของภูเก็ต และคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการภายในปีแรกกว่า 700,000 คนต่อปีอนาคตขยับขึ้นเป็นปีละ1 ล้านคน ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นต่างชาติ 90% จะเปิดต้นปี 2564
นอกจากนี้ การที่มีพาร์ทเนอร์อย่าง Inter Continental Hotel Group รวมทั้งโรงแรมในเครือ ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และรู้ถึง Customers Journey ของกลุ่มเป้าหมายที่นำมาพัฒนาโครงการ และนำเสนอแพคเกจ ให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้อย่างตรงจุดโดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับอัพสเกลและลักชัวรี่ ที่มีกำลังซื้อนิยมพักโรงแรม 4-5 ดาว โดยล่าสุดในไตรมาส3ปีนี้ จะเปิดตัวโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ที่มีมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท
“เราตั้งใจจะสร้างไอคอนิกแลนด์มาร์กแห่งใหม่ให้กับภูเก็ต พร้อมยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวหรูหรา ที่ต่างจากโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผสานกับผลงานศิลปะจากฝีมือศิลปินไทย ทัศนียภาพของหาดกมลา ภายใต้คอนเซปต์ Heaven on earth”
พสุ กล่าวต่อว่า ได้ตั้งเป้าให้ พราว กรุ๊ป เป็นผู้นำในการบริการIntegrated Entertainment and Resort Destinationภายในปี2565
โดยรายได้จะมาจากโครงการในจ.ภูเก็ต 63% ที่เหลือ 37% มาจากหัวหิน และรายได้จากธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วนอยู่ที่ 51% ที่เหลืออีก 48%มาจากสวนน้ำ และผู้ใช้บริการสวนน้ำ วานา นาวา และอันดามันดารวมกันมากกว่า 1 ล้านคน
โดยใน3ปีจากนี้รายได้พราว กรุ๊ป จะเติบโต25-30% และยังคงเป็นธุรกิจครอบครัวลิปตพัลลภ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-'บีทีเอส' กำไรไตรมาสแรกพุ่ง 113%
-พราวกรุ๊ป งัดแลนด์แบงก์ ลิปตพัลลภ ลุยโรงแรม-คอนโด-มอลล์ - iCONS