ดีเอสไอยังไม่พิจารณาหมายเรียก คดี “บิลลี่”
ย้ำ ทำคดีให้ละเอียดและรอบคอบที่สุด พร้อมระบุ งานคืบหน้าเกิน 70%
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีอธิบดีเอสไอ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง เป็นประธาน เพื่อติดตามงานสอบสวนในคดีการหายตัวไปของ “บิลลี่” ที่ได้มอบหมายพนักงานสอบสวนให้ไปรวบรวมหลักฐานในประเด็นต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อเร่งรัดการสอบสวนให้เสร็จตามที่มีการกำหนดไว้ในช่วงวันที่ 3 ธันวาคม
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับทุกเรื่องที่ต้องทำ โดยให้ชุดสอบสวนทุกชุดที่ลงไปทำงาน กลับมารายงานข้อเท็จจริงในเบื้องต้นในที่ประชุม
ซึ่งชุดสอบสวนที่ลงไปทำงาน มีอยู่ประมาณ 5-6 ชุด ทำงานในหลายๆเรื่อง อาทิ ชุดที่ให้ไปตามหาทรัพย์ที่หายไป ไม่ว่าจะเป็นจักรยานยนตร์ หรือกล้อง ชุดสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ และชุดรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจสอบพื้นที่ที่สงสัย พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าว
ในส่วนของการสอบพยาน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการสอบสวน ไม่สามารถนำมาพูดได้ แต่ดีเอสไอได้ใช้การสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องแล้วเชื่อว่ามีการกระทำความผิด ซึ่งพยานที่สอบ กำลังลงในรายละเอียดเหล่านี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวเพิ่มเติม
ในส่วนของผลการตรวจพิสูจน์ดีเอนเอกระดูกอีก 8 ชิ้นที่พบในที่เดียวกันกับกระดูกกะโหลกศีรษะ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า อาจจะใช้เวลานาน เพราะว่า การตรวจดีเอนเอกระดูก จะไม่เหมือนการใช้เนื้อเยื่อ โดยพ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า กระดูกที่พบมีความยากและต้องใช้เวลา แต่ไม่น่าจะเกิน 2 อาทิตย์จากนี้
นอกจากนี้ ทางดีเอสไอกำลังรอเอกสารจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตฯ เพื่อนำมาประกอบในสำนวน ซึ่งคาดว่า น่าจะได้รับเอกสารไม่เกิน 2 อาทิตย์เช่นกัน
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า ทางดีเอสไอจะพยายามทำคดีนี้ให้ละเอียดและรอบคอบที่สุด เพราะพยานหลักฐานแต่ละอย่างกว่าที่จะได้มา ได้มาด้วยความยากลำบาก
ทั้งนี้ ทีมดีเอสไอยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยพ.ต.ท.กรวัชร์ ยังไม่ขอยืนยันว่าเพียงพอแล้วที่จะทำให้ศาลรับฟัง
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมาเป็นประโยชน์กับรูปคดีขึ้น ได้พยานหลักฐานที่มีรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้น
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ดีเอสไอจะยังไม่พิจารณาในเรื่องการออกหมายเรียก เพราะอยู่ในช่วงของการรวมรวบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดย พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า งานคืบหน้ามากกว่า 70% ถือว่าคืบหน้าพอสมควรแล้ว
“บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง และผู้นำชุมชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จังหวัดเพชรบุรี ได้หายตัวไปหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวในความผิดเกี่ยวกับการนำน้ำผึ้งป่าออกจากเขตอุทยานแห่งชาติโดยผิดกฎหมาย ในวันที่ 17 เมษายน 2557 และอ้างว่าได้ปล่อยตัวไปแล้ว ก่อนที่ดีเอสไอจะแถลงข่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า เขาได้เสียชีวิตแล้ว จากการตรวจสารพันธุกรรมเทียบเคียงกับของมารดาจากชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะที่พบในเขื่อนแก่งกระจาน ในเขตอุทยานฯ