กทม.เล็งควัก 127 ล้าน ตั้ง 'หอฟอกอากาศ' สู้ PM2.5
กรุงเทพมหานคร เตรียมทุ่มงบกว่า 120 ล้านบาท ทำหอฟอกอากาศ 24 หอในพื้นที่จราจรหนาแน่นหรือมีประชาชนจำนวนมาก หวังบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น PM2.5
นายชาตรี วัฒนเขจร ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร จากการติดตามสภาพอากาศและประสานข้อมูลกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าหลังจากวันที่ 1 ต.ค. สภาพอากาศจะดีขึ้น เพราะจะมีลมและฝนกระจายในพื้นที่ จะทำให้สภาพอากาศปิดคลี่คลายลง
"ระหว่างนี้ผู้ว่าฯ กทม.ได้สั่งการให้ ผอ.เขตทุกเขต ติดตามสภาพค่าฝุ่นละอองเพื่อแจ้งเตือนประชาชน และแก้ปัญหาประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งการระบายรถ การจราจร การก่อสร้างอาคารที่ทำให้เกิดฝุ่น และการห้ามเผาในพื้นที่โล่งแจ้ง เบื้องต้นสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ เนื่องจากการตรวจสภาพอากาศพบว่า ยังไม่มีพื้นที่ใดที่ค่าฝุ่นละอองยังไม่สูงถึง 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร"
ส่วนที่มีบริษัทเอกชน คือ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เสนอการติดตั้งหอฟอกอากาศ ซึ่งเป็นนวัตกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 นั้น นายชาตรีเผยว่า เบื้องต้นจะติดตั้ง 1 เครื่องเร็ว ๆ นี้บริเวณใต้สถานี BTS สยาม ทางเข้าศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน โดยจะตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของฝุ่นละออง PM2.5 ทั้งก่อนและหลังการติดตั้ง หากได้ผลดีจะขอความร่วมมือภาคเอกชนโดยเฉพาะอาคารสูง, ห้างสรรพสินค้า และสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ติดตั้งต่อไป
สำหรับหอฟอกอากาศ มีขนาดสูงประมาณ 4 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ตัวเครื่องทําจากสเตนเลส หนักประมาณ 200 กก. ระบบการทำงานจะใช้หลักการดึงอากาศจากรอบตัวเครื่อง เพื่อกรองฝุ่น 2 ขั้นตอน และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ทางด้านบน ซึ่งมีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 17,000 ลบ.ม./ชม. ครอบคลุมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1,000 ตร.ม. โดยใช้แผ่นกรองชนิด HEPA Filter และกำลังไฟฟ้า 3.5 kW ราคาประมาณ 5.3 ล้านบาทต่อเครื่อง
นายชาตรีคาดว่า ในอนาคตจะติดตั้งหอฟอกอากาศในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นหรือพื้นที่ที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก จำนวน 24 หอซึ่งจะใช้งบประมาณราว 127 ล้านบาท เช่น สถานีรถไฟฟ้าซอยอารีย์ แยกราชประสงค์ฝั่งพระพรหม แยกอโศก สถานีรถไฟฟ้าจตุจักร ช่องนนทรี เซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมพงษ์ เพลินจิต ศาลาแดง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
นอกจากนี้ ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ระบุว่า กทม.เตรียมจัดซื้อรถพ่นละอองน้ำ จำนวน 6 คัน กระจายตามกลุ่มเขตละ 1 คัน ราคาคันละ 9 ล้านบาทซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะใช้งบประมาณในปี 2563 เมื่อได้งบแล้วจะกำหนดสเปก แต่เบื้องต้นจะยังจัดซื้อไม่ทันสิ้นปีนี้ เบื้องต้นรถพ่นละอองน้ำที่จะซื้อมาใช้ ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย แต่ประสิทธิภาพสูงจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ทุกชนิด พ่นน้ำได้มากกว่า 10 เมตร และในต่างประเทศอย่างจีน, อินเดีย และยุโรปหลายประเทศใช้กันอยู่ เชื่อว่าหากนำมาใช้จะช่วยแก้ปัญหาได้มาก เพราะปัจจุบันที่ใช้อยู่คือการนำเอารถดับเพลิงมาพ่นละอองน้ำ ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้มาก