'ม็อบเอกวาดอร์’ โวยราคาน้ำมันพุ่ง 120%
เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา สลายกลุ่มผู้ชุมนุมชาวเอกวาดอร์นับพันคน รวมตัวประท้วงไม่พอใจรัฐบาลยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมัน ทำให้ราคาพุ่งหลายเท่าตัว
กลุ่มผู้ชุมนุมชาวเอกวาดอร์นับพันคนได้ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงตามท้องถนน เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมัน ทำให้ราคาพุ่งขึ้น 120% ก่อนที่จะเดินขบวนไปยังรัฐสภา ในกรุงกีโต ในวานนี้ (4 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างก้อนหินและปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตึงกำลังรักษาความปลอดภัยเข้มรอบแนวรั้วรัฐสภา
จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม ถือว่ารุนแรงสุดในรอบหลายปี
นายมาเรีย พอลลา โรโม รัฐมนตรีมหาดไทยเอกวาดอร์ กล่าวว่า มีผู้ประท้วงถูกจับกุมตัว 19 คน โดยได้ถูกตั้งข้อหาปิดกั้นถนน
นี่เป็นเหตุให้ประธานาธิบดีเลนิน โมเรโน ของเอกวาดอร์ ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 60 วัน และอาจขยายเพิ่มเวลาไปอีก 30 วัน ส่งผลให้โรงเรียนทุกแห่งปิดการเรียนการสอน ขณะที่ รถบัสกับรถแท็กซี่หยุดให้บริการทั้งในกรุงกีโตและเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง
ประธานาธิบดี โมเรโน กล่าวว่า การยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมันที่มีมานาน 40 ปี ว่า เป็นไปตามแผนปฏิรูปงบประมาณประจำปี การยกเลิกพยุงราคาน้ำมัน รวมถึงการปฏิรูปภาษีจะช่วยให้รัฐบาลมีเงินเพิ่มราว 2,270 ล้านดอลลาร์ ก่อนนี้เอกวาดอร์ประกาศถอนตัวเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพื่อผลิตน้ำมันให้มากขึ้นและเพิ่มรายได้ ซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้เกือบ 550,000 บาร์เรลต่อวัน